วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เเรกรักรัติกาล 12


 ตอนที่ 12 ความผูกพัน
                ความรักเเละเวลานำมาซึ่งความผูกพัน โดยที่เราไม่ทันรู้สึกตัวมาก่อน คนบางคนมีความรักและมีมีความสุขที่ได้ผูกพันกับสิ่งที่ตนรัก ของเพียงให้ความรัก ความผูกพันเป็นดังสายใยที่อ่อนโยนให้เเก่กันและกัน 
                 เย็นวันอาทิตย์.....
 ฉันกำลังลังนอนทับขนปุกปุยสีน้ำตาลอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ลานหน้าบ้านของฉัน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลของเจ้าโดโต้มองมาที่ฉันอย่างอบอุ่น แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาใกล้ค่ำ แต่ทว่าท้องฟ้ากลับไม่ได้มีสีหม่นหม่องใดๆ เลย เพราะที่เเห่งนี้เคยเป็นที่ที่ฉันเคยเก็บความทรงจำนั้นกับผู้ชายคนหนึ่งไว้ แต่ตอนนี้มีตุ๊กตาที่สามารถทำให้ฉันลืมเรื่องราวที่เลวร้าย ทำลายความรู้สึกนั้นจางหายไปได้ ฉันยังคงนั่งมองท้องฝ้าอยู่กับตุ๊กตาตัวโปรดของฉันอยู่อย่างนั้น เรามองไปบนท้องฟ้าแสงจากดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าไป และดวงจันทร์ดวงสีเทาทะมึนก็ลอยรอรับช่วงต่อ  คืนนี้ฉันควงเจ้าหมีตัวอ้วนออกมานั่งเล่นอย่างสบายใจ ฉันย่ำเท้าลงบนพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม หลับตาลงและค่อยๆสูดอากาศบริสุทธิ์อันอ่อนนวลเข้าไปช้าๆ ฉันรับรู้ได้ว่าโดโต้กำลังมีความสุข 
           "นายชอบที่นี่ไหม นายเบื่อที่นี่หรือยัง" ฉันพูดพลางมองท้องฟ้าที่มีดาวระยับเต็มไปทั้งพื้น
           "ฉันไม่เคยเบื่อที่ไหน เพราะทุกสถานที่สำหรับฉันมันคือความทรงจำ " โดโต้พูดเสียงเเผ่วเบาออกจากลำคอ ฉันหันไปมองโดโต้ด้วยใบหน้าที่สงสัย และอยากรู้
           "นายเคยออกมาเล่นขางนอก เวลาฉันไม่อยู่ด้วยหรอ" 
           "ฉันชอบอยู่ในห้องและรับฟังความรู้สึกเธอมากกว่า เพราะช่วงนี้ฉันไม่ได้ยินเรื่องราวความรู้สึกของเธอมานานมากแล้ว การอยู่ที่ไหนมันไม่สำคัญเท่ากับว่าเราอยู่กับใครหรอกนะ" ^^ ฉันอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเหมือนเจ้าโดโต้กำลังพูดประชดฉันอยู่  อันที่จริงเจ้าตุ๊กตาขอฉันก็เป็นเเบบนี้มานานเเล้ว และฉันก็เป็นคนที่ชอบพูดในสิ่งที่รู้สึกออกมาตรงๆ ไม่ต้องอธิบาอะไรให้ยืดยาว เพราะฉันไม่ใช่คนช่างพูดก็เลยมักจะบอกอะไรเเค่สั้นๆ เช่นเดียวกับเจ้าโดโต้ที่ชอบพูดอะไรสั้นๆหั้น แต่ทำให้ฉันคิดได้อยู่เสมอ  จากที่ผ่าน ๆ มาหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ฉันรู้ว่า เขาถนัดที่จะเขาถนัดที่จะเเสดงออกให้ฉันรับรู้ผ่านทางเเววตาและความรู้สึกแทนการพูดอะไรหวาน ๆ เลี่ยน ๆ เหมือนกับผู้ชายทั่วๆไป  เรายังนั่งมองท้องฟ้าด้วยกันใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมกับสายลมพัดมาแผ่วเบาลูบไล้ใบหญ้าอ่อนที่กำลังเอนต้นลง ราวกับกำลังหลับใหล และเสียงพัดของมันก็เป็นเสมือนลมหายใจอันสม่ำเสมอซึ่งทำให้ที่แห่งนี้ดูราวกับมีชีวิต  แสงเเห่งดวงจันทร์เริ่มทำหน้าที่ทอแสงอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วยดวงดาวบริวารที่อยู่รายรอบราวกับสหายที่มาอยู่เคียงข้าง  ไม่น่าเชื่อว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างของฉันดูเหมือนจะอ้างว้าง แต่ลึก ๆในใจของฉันเเล้ว ฉันยังมีความคิดเช่นเดียวกับโดโต้  ที่เคยบอกกับฉัน การอยู่ที่ไหนมันไม่สำคัญเท่ากับว่าเราอยู่กับใคร ฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับเจ้าโดโต้ 
          "นายคือทุกอย่าสำหรับฉัน ฉันสัญญาว่าจะเก็บความรู้สึก ความทรงจำทุกครั้งที่อยู่กับนายไว้เป็นอย่างดี ฉันรักนายนะโดโต้" ^^
            "ฉันก็รักเธอเหมือนกัน ผักหวานเจ้านายชีวิต"   
หลังจากนั่นฉันเเละโดโต้ก็กลับมาเป็นทุกอย่างของกันเละกันเหมือนเดิม เจ้าโดโต้ผู้ที่ค่อยให้คำปรึษา ค่อยให้กำลังใจ ฉันมาตลอด ความสัมพันธ์ของเราเริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ สำหรับฉันเเล้ว โดโต้เป็นได้ทั้งเพื่อนที่ค่อยดูเเลช่วยเหลือฉัน เป็นได้เเฟน ที่ค่อยเอาใจใสให้กำลังใจกับฉันมาตลอด 
                               ทุกวันนี้โดโต้ ก็ยังดูเเลความรู้สึกของฉัน 
               ความรัก และความลับของฉันก็ยังเป็นความลับที่ยังไม่ที่ไม่มีวันถูกเปิดเผย
           แม้ว่าเพื่อน ๆ ของฉันจะเคยเห็นโดโต้ในร่างตุ๊กตา ที่มีอายุนานเเสนนานแล้วก็ตาม
แม่นางเหี่ยน

  

เเรกรักรัตติกาล 11


ตอนที่ 11 ค้นพบความจริง
                ฉันยังนั่งมือปาดน้ำตาอยู้ข้างๆโดโต้ หน้าของฉันซบลงตรงไหลที่มีขนนุ่มปุกปุยของเจ้าโดโต้แล้วปล่อยน้ำตาไหลรินไหลออกมา ฉันใช้เวลาอยู่เนินนานกับการเสียใจก่อนจะหยุดเเล้วถามใจว่าเคยได้อะไรคืนมา  ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาที้งสองข้างอีกครั้ง ก่อนที่จะสิ้นเสี้ยงสะอื้น ตั้งเเต่วินาที่นั้นฉันก็หยุดร้องไห้ แล้วบอกกับตัวเองว่าจะไม่อ่อนเเอ ให้ใครที่เป็นปัญหา ฉันเริ่มคิดได้ว่าทุอย่าเเก้ไขได้โดยไม่ใช้น้ำตา และในวันข้างหน้าจะต้องมีอะไรดี ๆ ให้ฉันต้องค้นหา อีกมากมาย วันนี้ฉันเข้มเเข็งแล้วนะ หัวใจที่เคยอ่อนเเอกลับมาเข้มเเข็งเเก่งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มันถึงเวลาเเล้วที่ฉันจะต้องลงขึ้นมาเช็ดน้ำตาหายไปกับความเจ็บปวด มันจะเป็นเพียงฝันร้ายที่ผ่านไปในคืนนี้   
           "ฉันจะกลับมาเป็นผู้หญิงคนเดิม เเละเป็นเพื่อนที่ดี ของนายนะโดโต้ นายให้โอกาศฉันได้เเก้ตัวอีกครั้งจะได้ไหม" 
ฉันพูดเสียงเเผ่วเบาพลางซบไหลเจ้าโดโต้ อยู่บนโชฟาหน้าห้องของฉัน 
            "ฉันยังค่อยรับฟังเธอ และอยู่ข้าง ๆ เธอเหมือนเดิม" 
 ฉันไ้ด้ยินเสียงทุ่มเข้มดังขึ้นข้างหูของฉันฉันตกใจตาค้างอยู่กับที่ ฉันไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเียงของใคร
             "โดะ โดะ โด...โต้" o_o! และทันทีที่ฉันลุกออกจากไหล่ของโดโต้ ฉันกวาดสายตาไปรอบ ๆ มีเพียงฉันเเละโดโต้เท่านั้น 
            "เสียงนายหรอโดโต้"    ฉันหันไปมองโดโต้ด้วยสีหน้ามึนงงและจ้องหน้าโดโต้ด้วยความสงสัย
            "ใช่สียงฉันเอง  เธอกลัวฉันหรอ" เสีงนั้นดังขึ้นอีก โดโต้พยักหน้าตอบฉันดวงตาสีน้ำตาลเข้มของโดโต้ฉายเเววจ้องมอมาที่ฉันอย่างอ่อนโยน  ในขณะทีฉันได้เเต่จ้องมองโดโต้อยู่อย่างคนทำอะไรไม่ถูกเอ่อ.... ฉันควรลุกออกจาโซฟาเเล้ววิ่งหนีไปให้ใกลเลยดีไหมหรือร้องตะโกนให้คนช่วย 
~U~ สายตาที่จ้องมองมาเเบบนั้น ทำให้ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นข องโดโต้ว่ามันจะไม่ทำร้ายฉันแน่ ๆ  เเต่ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่กล้าขยับเหมือนถูกจับเเช่เเข็งอยู่กับที่ จู่ ๆ โดโต้ก็ขยับเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะคว้าข้อมือของฉันเอาไว้  
            "เธอไม่ต้อกลัวฉันนนะ ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดมาก และต้องมาเจอเรื่องของฉันอีก แต่ฉันก็พยายามจะบอกเธออยู่เหมือนกัน ฉันไม่สามารถทนดูผู้หญิงตัวเล็ก ที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ร้องไห้ฟูมฟายไปมากกว่านี้อีกแล้ว "  คำพูดของโดโต้ทำให้ฉันรู้สึกถึงความจริงใจที่โดโต้มีต่อฉัน แต่ในตอนนี้ฉันไม่กล้าแม้เเต่จะสบตากับตุ๊กตาตัวนั้นเลย
ตึก!  ตึก!  ตึก!
 เอาอีกแแล้วหัวใจของฉันเต้นรัวขึ้นมาอีกแล้ว ฉันนั่งกำมือเเน่เเละเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าโดโต้
            "ฉันขอโทษที่ทำให้เธธอต้องตกใจ" โดโต้เอยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ 
              "จริงๆแล้วฉันก็ ตกใจอยู่เหมือนกัน นะ...นะ...นายก็คงรู้เรื่องของฉันทุกอย่างเเล้วสินะ" O_o
ฉันพูดออกมาด้วยความเก้ ๆ กัง ๆ และเขินอาย หลังจากที่ โดโต้นั่งเปิดใจคุยกับฉัน เรานั่งคุยกันอย่างกับคนสนิทกันมานาน โดโต้เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับฉันในขณะที่ฉันนั่งฟังโดโต้พูดอย่างขบขัน และในบางเรื่องทำเอาฉันน่าเเดงไปหมดทั้งใบหน้า  
           "อันที่จริงฉันยังไมรู้ด้วยซ้ำว่าการตกหลุมรักมันเป็นยังไงและฉันก็ไม่ได้คิดปิดบังเธอหรอก ฉันอยากทำความรู้จักกับเธอตั้งเเต่วันเเรก ฉันก็ไมรู้จะเริ่มต้นยังไงเพราะฉันเป็นเพีงตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น"
"ฉันก็อยากขอโทษนานที่ผิดสัญญาในวันนั้น และฉันทิ้งความรู้สึกทุกอย่างให้นายรับผิดชอบสะหมดเลย" ฉันเเละโดโต้เข้าใจกันมากขึ้น จนพัฒนาพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนให้กลายเป็นมากกว่าคำว่าเพื่อน ^^
         

แม่นางเหี่ยน

วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตติกาล 10



 ตอนที่ 10  เราอาจลืมไป

           มาตราวัดความรักไม่ได้วัดกันตรงที่  ใครรักก่อน หรือ รักที่หลัง คนที่รักมานานอาจไม่ได้รักมากกว่า และคนที่รักทีหลังอาจไม่ได้รักน้อยกว่า ฉันได้เเต่นั่งกลุ้มใจ เก็บเอาความรู้สึกดีที่ดี ๆ นั้นไว้ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ การทุ่มเทมอบใจให้ใครสักคนไปแล้วมันยากที่จะต้องเอากลับมาเป็นเหมือนเดิม ถ้าหากความทรงจำของฉันเปรียบเสมือนกล่องหนึ่งใบ ก็ใช่ว่าจะเอาสิ่งของทุกอย่างใส่ลงในกล่องทั้งหมดแม้ว่ากล่องความทรงจำของฉันจะมีขนาดใหญ่พอที่จะเก็บเรื่องราวได้สามรพัด แต่กล่องความทรงจำ ก็คือกล่องที่วางไว้ในหัวสมอง เราจึงไม่สาารถโยนกล่องใบนี้ไปไว้ในหัวสมองของใครได้ >_<
          ภายในห้องมืดที่ไร้เเสงสว่าง มีเพียงเสียงหายใบที่เเผ่าเบา และเสียงสะอื่นที่ยังดังก้องอยู่ในใจ ใบหน้าที่เต็มไปคาบน้ำตา ของฉัน ฉันได้เเต่มองหน้าต่างที่เรียงรายอยู่ข้างซ้ายมือของฉัน ล้วนเเล้วเเต่ปิดสนิทเงียบไร้ซึ่งสำเนี้ยงใดๆ จะมีก็เเต่เพียงเสียงสะอื่นไห้ของฉัน ที่ยังดังก้องอยู่ในใจ    จู๋ ๆ  ก็มีก็มีเสียง เสียงขึ้งดังก้องกังวาลขึ้นมา    
       "คนที่ควรรัก อาจไม่ใช่คนที่เธอรัก อาจไม่ใช่คนที่รักเธอ อาจไม่ใช่คนที่รักกันมาก่อน อาจไม่ใช่คนที่กำลังรักอยู่  อาจไม่ใช่คนที่คิดจะรัก แต่คนที่ควรรัก อาจเป็นคนที่เธอยังไม่เคยรักเลยก็ได้"
      "เสียงใครอ่ะ" 
ฉันลุกขึ้นแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องฉันลุกขึ้นพลางเอามือปาดน้ำตาที่เเก้ม  เสียงนั้นยังดังไม่หยุด ฉันพยายยามที่จะถามผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงนั้น  ยิ่งฉันตะโกนถาม เสียงนั้นยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ  ฉันพยายามมองไปรอบๆ เดินวนอยู่ที่เดิมเป็นสิบ ๆ รอบ  มีเงาดำร่างใหญ่พุงตรงมาที่ฉัน ฉันกรีดร้องจนสุดเเรงล้มลงไปที่พื้น เเต่เสียงนั้นยังคงตามติดหูไม่หายไปไหนเลย นั่งได้เเต่นอนเเน่นิ่ง พลางเห็นเงาดำยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน ฉันแล้วเสียงนั้นก็เงียบงายไป

พรึบ!!!!
ทั้งร่างของฉันสะดุ้งแรงเหมือนถูกกระชากตกจากที่สูง ดวงตาลืมพรึบเลิกลั่กกวาดมองโดยรอบสีหน้าตื่นจึงพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง เหงื่อผุดซึมทั้งดวงหน้า ฉันลุกขึ้นพิงหัวเตียง มือทาบ อกอย่างอกสั่นขวัญแขวน หัวใจเต้นกระหน่ำ เหมือนจะหลุดกระเด็นออกมานอกอก ลำคอแห้งผาก ขณะสายตาหวาดระแวงกวาดมองโดยรอบเพื่อให้แน่ใจ 
       "เมื่อกี้...ฝันใช่ไหม" 
เสียงเครือแผ่วเบาหลุดจากลำคอ มือยังทาบกับหน้าอก ฉันกลืนน้ำลายเหนียวฝืดลงคอยากเย็น ยังไม่หายตกใจเท่าไหร่ด้วยความน่ากลัวในฝันยังตามมาหลอกหลอนในยามตื่น รู้สึกถึงความชื้นของเหงื่อที่ส่งผ่านจากผิวหนังสู่เสื้อผ้า มื้อของฉันคว้าหาเจ้าโดโต้ หาเท่าไรก็ไม่เจอ  พยามยามตามหาฉันร้องเรียกโดโต้จนหมดเสียง  ไปตาม ๆ กัน
         "ฝันนั้น  ต้องเป็นโดโต้เเน่ๆ นายอยู่ไหนหรอ โดโต้ ฉันเป็นห่วงห่วยมากเลยนะ ฉันขอโทษที่ฉันไม่สนใจนาย และดูแลนายไม่ดี โดโต้ฉันขอโทษ"
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ฉันออกเดินทางตามหาโดโต้ทุกที่ที่ฉันเคยไป แม้กระทั้งทริปที่ฉันไปเที่ยวกับครอบครัว เเต่ไม่เจอโดโต้เลย ฉันร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมาอยู่แล้ว  หัวใจของฉันเต้นร็วขึ้นเรื่อยๆ
         "โดโต้นานอยู่ไหน ฉันอยากเจอนายจริงๆนะ นายคือเพื่อนที่ดีมี่สุดของฉัน"
 ฉันพูดปนเสียงสะอื้น น้ำตาหนองเต็มสองตา พอตะวันลับฟ้าทุกอย่างดูเงียบสงบท้องฟ้ายังขุนมัวยิ่งมองยิ่งรู้สึกเศร้าไปอีก  ฉันเดินเข้าบ้านอย่างเหนื่อยล้า เเก้มทั้งสองเปื่อนคาบน้ำตา เนื้อตัวหมอมแหมม ฉันทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาหน้าทีวีก่อนจะถึง้องนอนของฉัน ฉันเหลือบไปเห็นโดโต้นอนเเน่นิ่งอยู่ข้างๆโซฟา ทั้งตัวของโดโต้เต็มไปด้วยฝุ่น หยากไย่เต็มไปหมด ฉันรู้สึกดีใจจนไม่ไม่ถูกน้ำตาของฉันไหลลงมาอาบเเก้มทั้งสองของ ฉันดึงโดโต้มากอดเเบบสุดกำลัง ฉันกอดโดโต้เเน้นไปทั้งตัว 
        "นายอยาหายไปไหนอีกนะ ฉันเป็นนห่วงนายมากเลยรู้ไหม" 
ฉันร้องไห้พลางกอดโดโต้ตุ๊กตาตัวโปรดของฉันด้วยความดีใจ  โดโต้ทำให้ฉันรู้ว่าเราไม่ควรมองข้ามความรักของคนใกล้ตัว มันค่อยดูแลฉันมาตลอด มันค่อยรับฟังฉันทุกเรื่อง     มันทำให้ฉันเห็นว่ามาตราวัดความรักไม่ได้วัดกันตรงที่  ใครรักก่อน หรือ รักที่หลัง คนที่รักมานานอาจไม่ได้รักมากกว่า และคนที่รักทีหลังอาจไม่ได้รักน้อยกว่า เพราะความรักอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาเพียงอย่างเดียว ขอบคุณที่นายไม่ทิ้งฉันในช่วงเวลาที่ฉันทุกข์ใจนะ ^^"




แม่นางเหี่ยน


แรกรักรัติกาล 9


 ตอนที่ 9 อกหัก

     
           เช้าวันที่สดใส ดวงอาทิตย์กลมโตสีส้มแดงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ช่วงเวลาระหว่างนั้นยังมีความงดงามแฝงอยู่มากมาย... ช่วงเวลาเช้า ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวออก แสงสีส้มอ่อนสาดส่องลงบนพื้นดินและผืนหญ้าก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนย้ายไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดนิ่ง
ฉันชอบช่วงเวลาเช้ามากที่สุด โดยเฉพาะช่วงที่แสงของดวงอาทิตย์ส่องลงบนลานหญ้าที่มีสีเขียวขจีและมีมีหมอกบาง ๆ  สีสวยงามบนยอดหญ้า ในขณะที่แสงแดดอ่อนค่อย ๆ ทอดแสงจากระเบียงมายังปลายเตียงของไอร้อนจากแสงแดดสัมผัสกับขาเรียวที่ยื่นออกมานอกผ้าห่มเพียงเล็กน้อย ทำให้ขาเรียวชักขากลับเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มตามเดิม สายลมหอบไอร้อนจากแสงแดดพัดลอดหน้าต่างที่แง้มไว้เข้ามาภายในห้อง กระทบเข้ากับโมบายขนนกห้อยด้วยกระดิ่งสีทองที่แขวนไว้ริมหน้าต่าง เสียงกระดิ่งดัง
กริ๊งๆๆ ทำให้ฉันลืมตาตื่นแล้วเดินงัวเงียไปอาบน้ำ วันนี้ทั้งวันันไม่ได้ไปไหนเลย ฉันได้เเต่เดินไปมาอยู่ภายในบ้าน ทุกเช้าฉันจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง สาม สี่รอบ  แต่แปลกจังวันนี้พี่ดิวไม่โทรมาฉันเลย ฉันหยิบโทรศัพท์ แล้ววางลงเหมือนเดิม  ความรู้สึกตอนี้เริ่มจะสับสน เคยเป็นไหม เวลที่เราคิดถึงใครสักคน เราจะรู้สึกทรมานเพราะเราคิดไปเองว่าเขาคนนั้นจะไม่คิดถึงเรา ถึงเเม้ว่าการที่เราคิดถึงใครคนนั้นจะเป็นทุกข์บ้าง ทำให้เราต้องมานั่งคิดกระวนกระวายนั้น เเต่ลึกๆแล้ว เราก็รู้สึกชุมชื่นหัวใจ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารอบที่สิบ  ฉันนั่งจ้องมื้อถืออยู่ครู่หนึ่งแล้วแล้วว่างโทรศัพท์ลงที่โต๊ะ  ฉันได้แต่นั่งมองโทรศัพท์
....... มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว......  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันรีบกดรับโทรศัพท์ เพราะคิว่าอาจจะเป็นพี่ดิว
"ฮัลโหล พี่ดิว" ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่เสียงที่ตอบกลับมาคือพนักงานที่คอเซ็นเตอร์ มือของันวางโทรศัพท์ลงอย่างเชือกช้า ฉันมองผ่านไปทางหน้าต่าง เพราะคิดว่าเขาจะปรากฎตัวขึ้นมา เวลามาหาฉันเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีมีแม้แต่คนเดียว ฉันพยายามยือทุกอย่าง เพราะหลายวันมานี้เขามีทางที่กังวล แต่คงผิดที่ฉันเองที่ไม่กล้าจะถามและฝังคำตอบนั้นเอง เพราะฉันไม่ใช่คนที่เข้มเเข็งที่จะทนรับความรู้สึกนั้นได้ และก็ไม่เเข็งเกร่งพอที่จะตัดใจจากความรัก  ฉันหยิบโทรศัพท์โทรหาเเครอทเพื่อนสนิทของฉัน
         "แครอทแก่ทำอะไรอยู่หรอ"
         "ฉันไม่ได้ทำอะไร เเก่ละสบายดีไหม"
         "อืม ก็ดีนะทริปปีนี้ก็สนุกดี"
         "ได้ข่าวว่าไปยกครัวเลยนิ คงหวานน่าดู" ^^
         "หวานบ้าไรยะ นี่ไม่ได้คุยกันหลายวันเเล้วไม่รู้หายไปไหน"
        "เผื่อใจไว้หน่อยนะเเกผู้ชายเชื่อใจไม่ได้หรอกนะ เเค่นี้ก่อนนะเเม่เรียกเเล้ว"
        "อือ ๆ ไว้เจอกันลกัน บ๊ายยย"
สิ้นสุดเสียงเเครอททำให้ฉันยิ่งคิดกลุ้มใจ เรื่องความรักมันทำให้คนเรารู้สึกได้มากขนาดนเลยหรอเนี้ย...
ฉันเดินไปหยิบกาเเฟทีี่โต๊ะแล้วนั่งเล่นเกมอยู่คร่หนึ่ง
 ........มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว......เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นครั้งที่สอง ฉันหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์อยู้หน้าจอคือเบอร์ของพี่ดิว ฉันดีใจและรู้สึกน้อยใจปะปนอยู่ในใจฉัน ฉันกดรับโทรศัพท์โดยที่ไม่เอยปากถามพี่ดิวแม้เเต่คำเดียว
       "ผักหวาน ฮัลโหล ผักหวานได้ยินไหม"
       "ได้ยินค่ะ พี่ดิวทำอะไรอยู่หรอคะ"
       "พี่อยู่กับเพื่อนค่ะ ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยวาง"
        "ค่ะ"     ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า
        "เป็นอะไรหรือเปล่า เสียงเศร้า ๆ"
        "เปล่า ค่ะ"
     "ถ้าไม่อยากคุยวันหลังพี่จะไม่โทรไปล้วก็ได้"
พี่ดิวพูดด้วยเสียงดุดันแล้ววางสายโดยที่ฉันยังไม่ได้ตอบโต้อะไเลย  ฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ออกมาจากน้ำเสียงที่ดุร้ายของพี่ดิวมันรู้สึกได้ว่า ความรักของเรามันต้องการพักเพียงเท่านี้ จากความคุ้นเคย สะสมบ่มเพราะด้วยเวลา  ที่มีนานาน แต่เพียงไม่กี่นาที ไม่กี่ชั่วโมง เหมือนมีบางอย่างพรากสิ่งที่คุนเคยจากฉันไป คุ้มค่าไหมกับสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ ันได้เเต่นั่งถามหัวใจตัวเอง   หลังจากวันนั้น ฉันเเละพี่ดิวก็ไม่มีการติดต่อกันอีกเลย   ฉันได้เเต่นั่งคิดถึงเรื่องเดิม ๆ ทุกอย่างมันผุดขึ้นมาให้ฉันได้คิดอยู่ตลอดเวลา   ฉันเอาเเต่เก็บตัวอยู่นห้องไม่ยอมเจอหน้าใคร ถ้าวันนี้เราเป็นแค่คนห่างไกล เเล้วเธอก็รู้สึกเช่นนั้น แันก็คงจะไม่โทษใคร ถ้าความรักเเละความจิงใจของฉันไม่มีค่าพอ และถ้าวันนี้เธอก็ยังเป็นเธอฉะันก็ยังเป็นฉัน  เเละทุกวันเหมือนฉันนั้นต้องวิ่ตามเงาของเธอ ที่บางครั้งอาจจะจับต้องได้เเต่สุดท้ายเธอก็คือเงา  ฉันนั่งอยู่ภายในห้องสีเหลี่ยม ที่ว่างเปล่า มีเพียงเสียงสะอื่นและน้ำตาที่ไหลเต็มทั้งสองเเก้ม

แม่นางเหี่ยน

แรกรักรัตติกาล 8



ตอนที่ 8   พ่อเเม่และเเฟน


           หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉันอยู่กับพ่อและเเม่ตลอดเวลา ในช่วงปิดภาคเรียน ฉันชอบเข้าครัวทำอาหารกับแม่เป็นประจำและแม่ก็จะชอบทำในสิ่งที่ฉันชอบทานอยู่เสมอ 
           "พ่อคะ อาหารเสร็จแล้วค้าาาา" ฉันร้องเสียงดังพร้อมกับถือถาดอาหารถาดใหญ่เต็มมือไปไว้ที่โต๊ะอหาร
           "สองชิมดูสิคะ หนูทำเองเลยนะพ่อ"^^ ฉันพูดพ้อมอมยิ้มเล็กน้อย แล้ววางอาหารลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น พ่อมองหน้าหน้าฉันเเล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตักพัดผักแล้วจัดการชิมทันที
          "หืม... อร่อยจริงด้วย" พ่อพูดขึ้นเท่านั้นเเหละแม่ก็ยิ้มกว้าง พลอยให้ฉันอดยิ้มตามไม่ได้ แม่เดินมานั่งโต๊ะพร้อมกับฉัน 
           "เอ่า พ่อกินเยอะ ๆ นะ จะได้มีเเรง" แม่จัดการตักข้าวใส่จานให้พ่อ  ทำให้พ่อยิ้มกว้างออกมาทันทีก้มหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อย   ฉันนั่งทานข้าวกับพ่อและแม่อย่ามีความสุข ระหว่างที่ฉันกำลังทานข้าวพลางพูดคุยกันบนโต๊ะอาหาร  มีเงาของชายร่างสูงคนเดินเข้ามาทางประตูพร้อมกับถือของรุงรังเต็มมือไปหมด 
          "อ้าว พี่ดิวมาได้ยังไงคะ กำลังทานข้าวพอดีเลย" ฉันพูดพลางลุกขึ้นเรียกพี่ดิวแล้วเดินไปรับของจากพี่ดิว ฉันจัดการตักข้าวใส่จานให้พี่ดิว อย่างคล่องแคล่ว
         "สวัสดีครับพ่อ แม่"
         "อ้าว สวัสดีลูกมาทานข้าวด้วยกัน" พ่อพูดพลางถือซ้อนตักอาหารใส่จาน  ทุกคนนั่งทานข้าวด้วยกัน หลังจากทุกคนทานข้าวเสร็จ  พี่ดิวช่วนฉันออกไปเดินเล่นที่สวนหน้าบ้าน  วันนี้พี่ดิวมีท่าทีเเปลก ๆสีหน้าเคร่งเครียด เหมือนกังวลเรื่องอะไรอยู่แต่ันยังไม่กล้าที่ะเอ่ยปากตามออกไป ในตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดใจจนบอกไม่ถูก สิ่งที่ฉันได้เห็นอาการของพี่ดิวและความรู้สึกข้างในข้องฉันนั้น มันเเสดงให้เห็นว่าฉันเริ่มเปิดใจรักพี่ดิวมากขึี้น ๆ เรื่อย ๆ ความรัก มีคำเป็นล้านคำที่เป็นความหมายของคำนี้ จะว่าไปแล้วความรักก็เป็นคำที่มีความหมายหมากทีี่สุดคำหนึ่งก็ว่าได้ ความรักในความหมายของเเต่ละคนอาจเเตกต่างกันไปตามความรู้สึก ละประบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราเอง ไม่มีใครเลยสักคนที่จะไม่รู้จักกับคำว่ารัก จะมีแต่พวกที่บอกว่ารักไม่เป็น เเต่ลึกๆในความรู้สึกของคนเหล่านั้น ก็ต้องมีคำว่ารักอยู่เเน่ ๆ >_<
         "วันนี่พี่ดิวว่างไหมคะ ไปเดินตลาดใกล้ ๆ ดีไหม" ฉันพูดขึ้น ด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ  อยากรู้ว่าตอนนี้พี่ดิวคดอะไรอยู่กันเเน่ 
         "ก็ดีเหมือนกัน" พี่ดิวตอบฉัน ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ทำให้ฉันอึดอัดจนไม่รู้จะช่วนคุยอย่างไรดี
 พอแสงแดดอ่อนจางยามเย็นทอประกายลงมากระทบกับผืนหญ้าหน้าบ้านของฉัน ฉันนั่งคุยกับพี่ดิวตรงม้านั่งข้างต้นไหมใหญ่ที่เก่า บางที่ก็อดคิดไม้ได้ว่าที่เเห่งนี้ฉันเคยพาผู้ชายคนหนึ่งมาเดินเล่นอยู่เป็นประจำมันเหมือนเป็นสถานที่เเห่งความทรงจำของฉันเลยก็ว่าได้ ฉันและพี่ดิวปั่นจักรยานไปตามเส้นทาง สายลมบางเบาพัดต้นหญ้าที่อยู้ข้างทางโอนเอนไปมาตามกระเเสลมที่พัดโบกเอือย ๆ ก้อนเมฆสีขาวเหลือบชมพูบานเย็นไล่ระดับเฉดสีเข้ากับท้องฟ้าที่เริ่มกลายเป็นสีส้มจางเพราะใกล้เวลาที่ดวงตะวันจะลับเส้นขอบฟ้า มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีคววามสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว และคนที่ฉันรัก ทามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ฉันอยากจะยื่อเวลานี้ไว้นาน ๆ มันเป็นช่วงปิดเทอมที่เเสนมีความสุข มันไม่สามารถอธิบายความความรู้สึกเเละเหตูผลเช่นนี้ได้  การที่มีครอบครัวที่เข้าใจ มีคนรักค่อยให้กำลังใจ  ฉันพยายามที่จะไม่เก็บภาพสีหน้าของพี่ดิวมาคิดเพราะฉันยังไม่พร้อมที่จะต้องได้ยินคำที่ทำให้ันนั้นต้องเสียงใจ ฉันพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ แต่ลึกๆข้างในแล้วพี่ดวต้องมีเรื่องกลุ้มใจอยู่แน่แหละ  และสุดท้ายพี่ดิวก็กลับมาเป็นคนเดิมผู้ที่มีรอยยิ้มสุดเท่ และค่อยติดตามฉันเหมือนทุกครั้ง รสชาติเเห่งความสุขมันมีไม่มากแต่ฉันพยาามที่จะถนอมมันไว้ไม่ให้มันจางหายไป หลังจากปั่นจักยานเล่นเราทั้งสองเเยกย้านกันกลับบ้าน  หลายวันเเเล้วที่ฉันยังไม่ได้เจอกับเจ้าโดโต้ ฉันลืมโดโต้ไปสนิทเลย และในทุกๆคืนก่อนนอน ฉันได้เเต่คุยโทรศัพท์กับพี่ดิวแล้วหลับไปพร้อมโทรศัพท์ที่อยู่ข้าง ๆ หูของฉัน  มันเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีความรู้สึกดี ๆ ต่อผู้ชายคนนั้น ทุกอย่างรอบข้างแม้นกระทั้งตุ๊กตาตัวโปรดของเธอตอนนี้จึงไม่มีความหมายแและหายไปจากความรู้สึกของเธอ


แม่นางเหี่ยน
  

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตติกาล 7


ตอนที่ 7 เที่ยวทะเล


ใกล้จะถึงช่วงสอบกลางภาคเหลือเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นพวกฉันต้องเร่งเคลียร์งานทั้งหมดไว้เนิ่นๆ เพื่อให้มีเวลาอ่านหนังสือสอบ พวกฉันทำงานกันจนถึงเย็นโดยไม่ได้พักกันเลย พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและเเดดก็เริ่มจะคลายลงไปบางส่วนแล้ว พี่ดิวเดินมาพวกฉัน 
    "มีอะไรให้ช่วยไหม" 
    "กำลังจะเก็บของกลับพอดีค่ะ นี่มารับน้องหรือมารับใครกันแน่" แครอทพูดพลางยื่นกระดาษและเเฟ้มงานให้ผักกาด หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พอถึงบ้านฉันนอนฟังเพลงกับโดโต้อย่างสบายใจเพราะงานก็ใกล้จะเสร็จแล้วถ้าสอบเสร็จฉันจะช่วนโดโต้ไปเที่ยวกัน มันคงจะเบื่อเเล้วที่นอนอยู่แต่่ในห้องแคบๆ ของฉัน 
   "โดโต้ นายว่าปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนดี ไปปีนเขาไหม หรือไปล่องแพร  อื่อ...ไปที่ยวทะเลดีไหม บรรยายกาศคงจะเย็นสบาย นายว่าน่าสนุกไหม เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานมากเเล้วนะ  นายดีใจใช่ไหมที่จะได้ไปเที่ยว  อีกไม่กี่อาทิตย์ฉันก็สอบเสร็จแล้ว เตรียมตัวรอได้เลยเจ้าโดโต้" ^^
 ฉันพูดพร้อมกับกอดเจ้าโดโต้ตุ๊กตาตัวโปรดของฉันกลิ้งไปมาบนที่นอน ฉันรู้สึกได้ว่ามันคงดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกับฉัน และเวลาฉันมีความสุขเหมือนมันก็ยิ้มตอบฉันอยูเสมอ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฉันคุยกับพี่ดิวจนลืมเจ้าโดโต้ไปเลย 

     สองอาทิตย์ต่อมา.....
ฉันเตรียมของเพื่อที่จะออกเดินทางไปเที่ยวเกาะทะลุ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทั้งพ่อ แม่ เจ้าโดโต้ และพี่ดิว ฉันตื่นเล้นและมีความสุขมากที่ได้อยู่กับครอบครัวของฉันอย่างมีความสุข ระหว่างทางรถติดเป็นเเถวยาวกว่าจะถึงที่พักก็คงมืดพอดี  เมื่อถึงที่พักทุกคนต่างก็หลับสนิท ฉันยืนกอดเจ้าโดโต้แล้วมองผ่านหน้าต่างภายในห้อง ทุกอย่างดูเงียบสงบ มีเพียงแสงจันทร์และเสียงคลื่นที่สาดประทะกับทราย 
     "โดโต้ นายชอบที่นี้ไหม พรุ่งนี้ไปเดินเล่นฉันนะวันนี้เหนื่อยเเล้ว นนพักเอาเเรงก่อนพรุ่งนี้ต้องสนุกแน่ๆ" ^^ ฉันหลับไปพร้อมโดโต้ตุ๊กตาตัวโปรดของฉัน
กริ่ง.....
กริ่ง.....
กริ่ง......
 เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ฉันลืมตาตื่นแบบงัวเงีย ฉันไม่ลืมที่จะทักทายโดโต้ก่อนใครๆ 
"วันนี้ฉันจะพานายเที่ยวให้สนุกเลย ฉันไปอาบน้ำเเต่งตัวก่อนนะ" ^^  ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูห้องฉัน
"ผักหวาน  ผักหวานแม่ให้มาตามออกไปกินข้าวได้เเล้ว"
"ได้ค่ะ.....พี่ดิวหนูกำลังออกไปค่ะ" ด้วยความตื่นเต้นฉันยังไม่มองเห็นเจ้าโดโต้ว่ามันยังนอนอยู่ที่นอนของฉันหรือป่าวฉันรีบเปิดประตูแล้วเดินไปกับพี่ดิวลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าโดโต้ไปเลย
บรรยากาศตอนเช้าท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ความเขียวขจีของป่าดิบชื้นและความร่มรื่นของทิวมะพร้าวทอดแนวยาวตลอดชายหาดระลอกคลื่นทักทายสายลมที่พัดกระแสน้ำสู่ชายหาดเป็นระยะๆ ฉันเดินเที่ยวชมทะเลกับพี่กอวเเละพ่อแม่อย่างมีควาามสุข เเวะชมร้านขายของชำร่วย ไปเลื่อยๆ จนเเวะทานอาหารด้วยกัน ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่ไ่มีใครให้ฉันได้เเละฉันจะไม่ลืมมันเลย  พอตกเย็น
สีเมฆขาวรับเป็นสีแดงฉานไล่กับเวลาพลบค่ำประกายแสงทางยาวส่องลงขนานกันเป็นทางเส้นฟ้าริมเกาะบรรยากาศเปลี่ยนไปในทันตา  เกลี่ยวคลื่นพัดเข้าสู่ฝั่งแผ่วลง  ชายหาดกว้างขึ้น ในขณะที่อาทิตย์เริ่มอ่อนแสง พี่ดิวเดินจับมือฉันเดินไปตามคลื่นทะเล มันเป็นภาพที่ฉันอยากจะบันทึกไว้ไม่ให้มันหายไปไหนเลยฉันและครอบครัวของฉันอยู่พร้อมหน้ากันช่างเป็นภาพที่อบอุ่นจริงๆ เวลาเเห่งควมสุขของฉันก็จบลงไปเพราะพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับแล้ว ันกลับมามี่ห้องพักด้วยความเหนื่อย จึงเผลอดับไปโดยไม่ทันได้ทำอะไร แม้กระทั้งโดโต้ ฉันลืมไปไปเลย ฉันหลับไปทั้งที่ไม่รู้ว่าโดโต้อยู่ส่วนใดของห้องฉันวันนี้เป็นวันที่ันไม่ได้คุยกับโดโต้ก่อนนอน ฉันหลับสนิทไปในคืนนั้นอย่างสบายใจ และไม่รับรู้อะไรเลย




แม่นางเหี่ยน

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

แรกรักรัตติกาล 6



ตอน  6 พี่ชายเพื่อน

 วันเสาร์.....     
         มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว...... 
"ฮัลโหล มีอะไรหรอผักกาดโทรมาเเต่เช้าเลย"
"นี่... เขามากันครบเเล้วย่ะ เมื่อไรจะถึงเนี้ย"
"อุ๊ย!! ว่ามีนัดทำงาน เดี๋ยวฉันอาบน้ำเเป๊ปหนึ่งเดี๋ยวฉันตามไป บายยย" 
ฉันรีบอาบน้ำออกไปทำงานกับเพื่อนที่โรงเรัยน อย่างรีบเร่ง พอมาถึงที่โรงเรียนฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกสายตาของใครจ้องมองมา...  และสายตานั้นเพ็งเล็งมาทีฉันแบบไม่ละสายตาไปทางอื่นเลย
ฮือ~    นี้เขาจะมองฉันทำไมเนี้ยหรือฉันแต่งตัวตลกหหรอ ฉันทำอะไรขายหน้าอีกไหมเนี้ย 
พรึบ ๆ รีบเดินดีกว่า 
ห้องงสมุดโรงเรียน
ยัยพวกนั้นอยู่เเถวไหนกันนะ  ฉันยืนอยู่กลางห้องสมุดที่เงียบสนิทมีเพียงชั้นหนังสือเรียงราย  ในช่วงวันหยุดจะไม่ค่อยมีใครมาใช้ห้องสมุดดเท่าไหร่หรอก มีเเต่พวกกรรมการนักเรียนห้องที่เขามาช่วยดูแลประจำอยู่ทีห้องสมุดนั้นแหละ
"ผักหวานทางนี้" เสียงเล็ก ๆ ของผู้หญิงดังมาจากด้านซ้ายมือของฉัน ฉันเดินไปอย่างเร่งรีบพร้องกับในมือถือของรุงรังเต็มไปหมด จากนั้นพวกเราก็ทำงานอย่างขมักเขม้นจนเสร็จภายใรเวลาสองชั่วโมงทุกดูเคร่งเคลียดและหมดแรงไปตาม ๆ กัน
"ฉันกลับก่อนะ เดี๋ยวพี่ชายจะรอนาน เเม่ให้มันมาเฝ้าฉันกลัวว่าฉันอย่ากับฉันเป็นนักโทษ" แครอทพูดขึ้นพร้อมกับเก็บของใส่กระเป๋า
"นั่นพี่ชายแกหรอ ที่นั่งรออยู่ศาลาข้างสระน้ำอ่ะ" ฉันถามแครอทด้วยความมสงสัย
"เออ...ก็มีพี่ชายตัวร้ายนั่งอยู่คนเดียวนั่นแหละ  ไปล่ะนะ มันรอนานแล้ว บายยยแล้วเจอกัน "
"บะ บะ บะ บาย  ละ ละ ละ แล้วเจอกัน" ๐_๐!!  นี้มันพี่ชายยัยครอทหรอเนี่ย 
            ครู่ต่อมา....ฉันเดินออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำอยู่ฟังซ้ายข้างๆน้องสมุด ฉันเห็นพี่ชายของยัยแครอทเดินผ่านหน้าฉันไป แวบหนึ่งพี่ชายยัยแครอทเอียงหน้าปรายตามาทางฉันเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ฉันก็ทำธุระในห้องน้ำเสร็จจึงรีบเดินออกมา
"ใช่เพื่อน แครอไหม" เสียงทุ่มจากลำคอที่ดูงเข้มขึมดังมาจากด้านหลังของฉัน
"ชะ....ใช่ค่ะ มีอะไีหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไม่เจอกับแครอทหรอคะ"
"เปล่าหรอ พี่แค่เดินมาเข้าห้องน้ำเฉยๆ  พี่ชื่อ ดิว นะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"ขะ.....ค่ะ ยินดีค่ะ เอ่อ... หนูผักหวานค่ะ  เอ่อ.... งั้นขอตัวไปก่อนะคะ"
พี่ดิวยีนอมยิ้ม แล้วมองฉันด้วยแววตาที่เป็นมิตร มองเผิน ๆ อาจดูเหมือนไม่มีอะไร เเต่ฉันกลับสัมผัสใด้ถึงบางอย่างที่เเผ่ซ่านออกจากแวววตาของเขาอย่างเข้มข้น  และยิ่งไปกว่านั้นฉันรู้สึกว่าหัวใจฉันกำลังเต้นอย่างเเรงเพราะสายตาของพี่ดิวจ้องมองมา
ตึก! ตึก! ตึก!
ให้ตายเถอะ! ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ฉันยังไม่เคยรู้สึกใจเต้นเวลาถูกผู้ชายคนไหนมองมาก่อนเลยนะ แต่ทำไมกับพี่ดิว  ฉันถึง....
"อ๊ากกกกกก!!! ทำไมฉันต้องมาตกอยู่สภาวะแบบนี้ด้วยเนี่ย" T-T 
มาถึงห้องสมุด ผักกาด และผักบุ้ง ก็ำลังจะเก็บของ ฉันรีบเก็บของช่วยผักกาดและผักบุ้ง 
 "นี้มัน กะเป๋าสตางค์ยัยแครอทนิทำไมมาวางอยู่ข้างกระเป๋าฉันล่ะ"
 " แก่เก็บไว้ให้มันหน่อยผักหวาน ยัยเนี้ยหลง ๆ ลืม ๆ ไม่รู้จะรีบไปไหน ฉันจะกลับกับผักบุ้งเเล้ววแวะไปส่งแก่ก่อน"
 "อือ.... ๆ " 
     ที่บ้านของผักหวาน...
ฉันเดินเข้าไปในห้องแล้วเลือบมองไปเห็นเจ้าโดโต้  ยังนั่งแนนิ่งอยู่บนเตียงของฉัน   มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว...... 
 ยังไม่ทันจะได้นั่งเลย ใคร โทรมาล่ะเนีี้ย ฉันหยิบโทรศัพท์มาดูในอาการเก้ ๆ กัง ๆ เบอร์ใครเนี้ย.....
  "สวัสดีค่ะ"
 "ผักหวานหรอหรอ จะเพราะไปไหนยะ ฮ่า ๆ " :)
 "อ้าว....แครอทเองหรอ ตามหากระเป๋าล่ะสิ"
 "ใช่ ฉันบอกพี่ดิวแวะไปเอาที่บ้านแกน่ะ พอดีพี่ดิวไปทำธุระแถวนั้นฉันเลยโทรมาบอกแก่ไว้"
 "ห๊ะ!!  " >_< ! 
หลังจากคุยโทรศัพท์กับแครอทได้ไม่นาน ก็มีเสียงผู้ชายดังมาจากหน้าบ้าน ฉันเดินออกมาหน้าบ้านดัวยความกังวล  นะนะ นั่นพี่ดิว >_< !
"พี่มาเอากระเป๋าให้แครอทครับ" เสียงทุ่มต่ำที่หลุดออกมาจากปากของพี่ดิวทำเอาฉันหนาววูบ และใจเต้นแรงขึ้นมาทันที่  ตาย!  ตาย! ฉันกลัวสายตาแบบนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกใจเต้นแบบวันนั้นอีกแล้ว ฉันจะทำยังไงดี YoY "อ๋อ... ระ..... รอ เเป๊ปหนึ่งนะคะ" ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าของแครอทแล้วนำมายืนให้พี่ดิว ด้วยความกลัวฉันไม่ได้แต่ก้มหน้าพร้อมกับยื้นกระเป๋วใบนั้นให้พี่ดิวไป มือของพี่ดิวสัมผัสมือของฉันอย่างเชื่อช้า ทำเอาฉันตกใจแล้วสะดุ้งจ้องมองตากับพี่ดิว O_o  แววตาของเขาจ้องลึกลงในดวงตาของฉัน อ๊ากกกก!!! สายตาคู้นี้อีกแล้ว 
"พี่กลับก่อนนะ"
"คะ...ค่ะ" >o<  ฉะนยังรู้สึกใจเต้นไม่หาย นี้ฉันเป็นอะไรกันแน่
"โดโต้ นายเคยมีความรู้สึกนี้บ้างไหม " ฉันพยายามเล่าความรู้สึกให้กับโดโต้ฟังจนหมด  แต่โดโต้ได้เอาแต่มองหน้าฉันและนิ้งเฉย แต่ดูเหมือนมันจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน ฉันเล่าอย่าจริงจัง แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น ฉันกดรับสายเป็นเสียงผู้ชาย ฉันตกใจมากนั้นมันเสียงพี่ดิว ในคืนนั้นฉันคุยโทรศัพท์กับพี่ดิวเกือบสองชัวโมง แล้วประโยคสุท้ายที่ฉันได้ยิน
"พี่ชอบหนูนะ คุยสนุกดี ฝันดีนะครับ"  มือของฉันถือโทรศัพท์อยู่แล้วทำอะไรไม่ถูก เอนตัวลงบนเตียงนุ่มๆ อย่างแน่นิ่ง นี้คือความรู้สึกของความรักหรอ สีหน้าของฉันอมยิ้มปนกังวลแล้วนอนกลับไป หลังจากคืนนั้นฉันคุยกับพี่ดิวแบบนี้เกือบทุกวันฉันตกลงคบกับพี่ดิว เพื่อนในกลุ่มของฉันจะชอบล้อเรื่องขงฉันกับพี่ดิวตลอด นี้ก็ใกล้จะปิดภาคเรียนแล้ว ฉันกับเพื่อนจึงไปค่อยได้ไปเที่ยงด้วยกันเหมือนเเต่ก่อน ส่วนมากก็ต้องเคลียงานส่งก่อนปิดภาคเรียน





          
แม่นางเหี่ยน

แรกรักรัตติกาล 5



ตอนที่ 5  มิตรสหาย

               นับตั้งเเต่วันนั้นเป็นต้นมา ยัยผักกาดก็ยังทำตัวเงียบ ๆ ไม่ยอมเปิดปาดพูดแะไรกับฉัแมัแต่คำเดียว ทุกครั้งที่เราเดินสวนกันหรือเจอกันก็มองหน้ากันเเละยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ฉันก็เเอบคิดในใจนะว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายเเรงขนาดต้องโกรธเราข้ามวันข้ามคืนขนาดนั้น เเต่ชั่งเขาเถอะ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เสียสุขถาพจิตเปล่า ๆ ทีเขายังไม่เห็นจะเเคร์เราเลยนิ ทุกคนก็ล้วนเเต่มีความรู้สึกกันทั้งนั้นเเหละ ช่วงนี้ฉันม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับกลุ่มเพื่อน เพราะฉันก็ไม่ใช่คนที่จะพูดกับใครก่อนเท่าไหร่นัก จะคุยเฉพาะคนที่คุยด้วยก็เท่านั้น ในทุก ๆ วันยัยผักบุ้งลงทุนมารับฉันไปเรียนเเต่เช้าจนกระทั้งฉันถึงห้องเรียนและบางวันก็เป็นผักบุ้งที่ลงทุนรอรับฉันกลับบ้าน มันก็ดีอยู่หรอกที่มีค่อยมาคอยรับ คอยส่ง เเต่บาางทีฉันก็รู้สึกอึดอัดมากกว่า
       โรงเรียน.......
         7:45 น. 
วันนี้ฉันมาสายไปหน่อยเพราะรถติดที่หน้าโรงเรียนฉันก็เดินไปที่ห้องเพื่อนำกระเป๋าไปไว้ที่ห้อง เหมือนทุกวัน 
 " เมื่อวานสนุกไหม" ผักบุ้งพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบผิดปกติ เพราะตั้งเเต่เจอกันกับผักบุ้งฉันยังไม่คุยกับมันเลย  ฉันพยักหน้าตอบคำถามนั้นของผักบุ้ง พร้อมกับว่างกระเป๋าเเละนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องเรียน
"เธอคิดว่่าเราเป็นคนยังไงหรอ" 
"ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ เราว่าผักหงานก็น่ารักดี นิสัยดี มีอะไรหรือเปล่า คุยกับเราได้นะ เเต่ตอนนี้ลงไปเข้าเเถวก่อนดีไหม"
ฉันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเเล้วเดินถามยัยผักบุ้งลงไปเข้าแถว ตอนนี้ฉันเคลียดไปหมด เเต่ก้เอาถอะ ก็ไม่รู้จะทำยังไงเเล้วนิ
     ห้องสังคม
ด้วยความที่อาจารย์มีมีประชุมด่วนเรื่องการเเข่งขันทักษทางวิชาการโดยโรงเรียนของเราเป็นเจ้าภาพในการจัดการเเข่งขัน อาจารย์จึงเเค่สั่งงานแล้วเเบ่งกลุ่มให้ทำกิจกรรม บังเอิญกลุ่มที่อาจารย์แบ่งให้มี
ปารมี  (แครอท)
กัลยาภรณ์  (ผักกาด)
ศิรินรัตนา    (ผักบุ้ง)
ปรียาพร   (ฉันเอง)
นั่นเป็นวันเเรกที่เราได้อยู่กันครบเเก๊งแล้วคุยเรื่องงานด้วยกัน ผักกาดเริ่มมีคำถามมาที่ฉันแล้วปรึกษาเรื่องที่เราจะนำเสนองาน   ในการทพงานกลุ่มทุกครั้งที่เราได้อยู่ด้วยกัน ก็จะมีเเค่ฉัน แครอท ผักกาด ส่วนยัยผักบุ้งน่ะหรอกจะสนใจการงานอะไร มีงานกลุ่มทีไรหายหัวทุกที เมื่อเราคุยกันเสร็จเเล้วก็นัดหมายวันทำงานด้วยกัน วันนี้ทั้งวันไม่มีการเรียนการสอนเลยเพราะอาจารย์ทุกฝ่ายต้องประชุมเตรียมงาน เเม้กระทั้งพวกเด็กกิจกรรม กรรมการนักเรียนก็วุ่นวายไปหมด เพราะต้องหาจัดสถานที่บ้าง หาของเตรียมงานกันอย่างอลวน  เป็นวันที่วนวายที่สุดเลย ไม่มีเรียนเเต่มีงานทุกวิชา เเต่นั้นเป็นวันเเรกที่ฉันกับแก๊งเพื่อนของฉันมันหันหน้ามาคุยกันได้ เราสามคนเดินเข้าร้านสหกรณ์ในร้านสหกรณ์โรงเรียนจะมีอุปกรณ์เครื่องเขียนต่าง ๆ
"ฉันพูดตรงๆนะ แกชอบยัยผักบุ้งจริงหรอ ที่ฉันถามเพราะเราเป็นเพื่อนกันนะ" แครอทถามฉันขึ้นมาระหว่างที่พวกเราเลือซื่อของในร้านหกรณ์โรงเรียน
"ฉันก็เฉย ๆ นะ ยังไม่กล้าตัดสินใจคบหรอก"
"แต่แกก็ไปกับมันทุกวัน  ดูสิขนาดงานกลุ่มยังไม่ชวยคิดจะทำไรเลย"
"แต่ฉันก็ไม่ได้บังคับให้มันไปรับไปส่งสะหน่อย มันก็มาของมันเอง ตอนเเรกฉันก็เเอะใจอยู่หรอก ฉันก็ยังไม่คิดจะคบกับยัยนั่นหรอกนะ"
"ผักบุ้งมันก็เคยบอกฉันนานเเล้วเเหละ ว่าจะจะจีบแก  ถ้าแกไม่ชบมันจริงๆก็บอกมันไปเถอะ " ผักกาดพูดขึ้นพรอมกับเลือกกระดาษสี
"ใช่ๆ ปล่อยไปนานๆ เดียวมัน
จะเสียความรู้สึกนะ" เเครอทหันมาพูดกับฉันอย่างจริงจัง เเล้วทำหน้าตาตกใจ จนฉันและผักกาดถามอออกไป
"เเกเป็นอะไรหรอ"
"ผะ ผะ ผะ ผักบุ้งแกมานานแล้วหรอ"
"ตั้งแต่พวกแกคุยกันนั่นเเหละ"
   ๐_๐!! ทุกคนยืนอึ่งกับกับตอบของผักบุ้ง
"ฉันขอโทษนะ ที่ไม่ได้บอกความรู้สึกกับเธอตรง ๆ ฉันแค่ไม่อยากเสียเพื่อนไป เราเป็นเพื่อนกันเหมือเดิมดีกว่า เราขอโทษจริงๆ"
"ไม่เป็รไรหรอกฉันรู้ว่าเธอไม่เคยมีความรู้สึกนั้นกับฉันอยู่เเล้ว แต่ฉันก็ห้ามความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอไม่ได้หรอกนะ"
"ขอบคุณที่เข้าใจเรานะ" :)
วันนั้นเป็นวันที่ทุกอย่างคลี่คลายแม้กระทั้งความรู้สึกของฉันที่ไม่สามารถอธิบายกับใครได้เลย ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันและผักบุ้งก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม :)







วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตติกาล 4

ตอนที่  4 เพื่อนรักเเอบรักเพื่อน

             หลังจากเลิกเรียนวันนั้น ฉันก็ไม่กล้าสู้หน้าใครอีกเลย ฉันรู้สึกอายไปหมดเลย ระหว่างเดินเข้าประตูหน้าโรงเรียน ฉันเป็นกังวลไม่กล้ามองหน้าใครเลย เเต่ก็เดินเข้าโรงเรียนทำตัวตามปกติเพราะคิดว่าพวกนั้นมันคงไม่มาโรงเรียนเช้าขนาดนี้หรอกมั่ง ระหว่างที่ฉันเดินผ่านสนามตระก้อเพื่อที่จะเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องเเละเตรียมตัวลงมาเข้าเเถวหน้าเสาธงเเปดโมงตรง  ฟิ้ว... จู่ๆ ตระก้อลูกนั้นลอดตัดหน้าฉันมาเเละพุ้งไปชนกับฟุตบาทก่อนที่มันจะกลิ้มมาหยุดอยูู่ที่ตรงหน้าฉัน ฉันกำลังกล้มเก็บตระก้อให้พวกผู้ชายกลุ่มนั้น ระหว่านั้นฉันเหลือบไปเห็นเเก๊งเพื่อนผู้ชายในห้องที่มันโยนประทัดมาโดนฉันเมื้อวานนี้ มันหันมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเลสนัย "ไอ้บ้า เอ้ย..." ฉันบนพรึมพรัม เเล้วเขวี้ยงตระก้อลูกนั้นไปเเต่ใครจะไปรู้ว่าตอนที่ฉันเขวี้ยงตระก้อออกไปใ้พวกนั้น ลมที่พัดเเรงไม่รู้มาจากไหนเเละจังหวะที่ฉันเวี่ยงเเรงออกไปนั้น ทำให้ประโปรงฉันเปิด เเว๊บ.... -_-  จนพวกนั้นมองมาที่ฉันไม่มีใครพูดอะไรสักคำ เป็นความเงียบที่ทำให้ฉันขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ยังกับกดปุ่มสต๊อป ฉันมองมาที่ตัวเอง 
                 อ๊ายยยยยยย !! ฉันกรี๊ดเสียงดังเเล้วรีบเอามีปิดที่กระโปรง  วิ่งอย่างสุดกำลัง "ฮือ.... ทำไม่ฉันทำตัวน่าอับอายเกินบรรยายขนาดนี้ พวกนั้นคงไม่เห็นซอดที่ฉันหมุนโดยใช้เเรงเวี่ยงจนประโปรงฉันเปิดหรอกนะ"  ฉันค่อย ๆ รวบรวมสติเเล้วนั่งถอนหายใจอยู่ครู่ใหญ่ ภายในห้องเรียนที่เงียบสงัด   "เฮ้ย!!  มานั่งทำไรคนเดียวเนี้ย ไม่ลงไปข้างล่างหาเพื่อน ๆ ล่ะ "  ผักบุ้งพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดัง จนฉันสะดุ้งตกใจ  เข้าพูดเเล้วพร้อมจ้องหน้าฉันเข้าใกล้จนสมูกจะติดกันอยู่เเล้วมันจ้องที่ตาของฉันไม่กระพริบ ได้ยินเเค่เสียงหัวใจที่เต้น ตึก! ตึก! ตึก!  ฉันใช้มือดันหัวของยัยทอมขี้ทะเล้นออก "เเก่ เล่นอะไรเนี้ยฉันยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่" ฉันพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
"งั้นวันนีเราเลี้ยงข้าวเที่ยง เเละไปส่งที่บ้านด้วยเคป่ะ" ผักบุ้งพูดเเละอมยิ้มพร้อมกับจ้องหน้านิ่งไม่ยอมละสายตาไปทางอื่น กับสายตาของที่ห่วงใยเหมือนกับคู่รัก 
กริ้ง.......
กริ้ง.......
กริ้ง.......
 สักพักเสียงกริ่งก็ดังขีึ้นมา  ผักบุ้งเดินมาข้างๆฉันเเล้วพูดเบา ๆ ที่ข้างหนูของฉัน "ฉันจะดูเเลเเกเอง" เมื่อพูดจบมันก็ห้อมเเก้ฉันที่หนึ่งเเล้วกระซากเเขนของฉันเเล้วเดินจับมือฉันออกจากห้องจนไปถึงเเถวที่หน้าเสาธง เมื่อทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จทุกห้องก็จะเเยกย้านกันไปที่ตึกเรียน
          ห้องวิทยาศาสตร์ เวลา 11:30น. เพื่อน ๆ ของฉันก็ชวนกันไปที่โรงอารหาร 
"ไปสั่งรอเลยนะ เดี๋ยวฉันตามไป"  
"ยัยบ๋อง ไหนบอกจะไปกินข้าวด้วยกันไง อุสาห์จะเลี้ยงนะเนี้ย..."  ผักบุ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ทะเล้น 
"เฮ้ย นี้อยู่กันตั้งเยอะเลี้ยงเเค่คนเดีียวเนี้ยนะ" เเครอทพูดยอกย้อนผักบุ้งพร้อมกับกวาดสายตาไปหาผักหวานด้วยความสงสัย  "อื่องั้นเกบของเป๊ปหน่อง" ฉันพูดพร้อมกับเก็บของใส่กระเป๋า เเล้วทุกคนก็เดินไปที่โรงอาหาร  โรงอาหารคนเเน่นมาก เเถมโต๊ะว่างก็เกือบจะไม่มีเหลือ จนฉันเเละเพื่อนๆเข้าคิวซื้อข้าวเส็จก็ได้เเต่ยืนหาโต๊ะนั่งกินข้าวเพราะยังหาโต๊ะว่าไม่ได่จนกระทั้ง  "อ๊ะ นั่นไง โต๊สุดท้ายที่อยู่ทางออกโรงอาหารว่างอยู่นี่^^"  ผักกาดผู้ที่มีสายตาเรดาร์ได้เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะนั้นพวกเรานั่งกินข้าวเพื่อนของฉันเมาส์กันสนุกมาก "วันนี้เป็นไรหรอทำไม่เงียบอ่ะ" ผักบุ้งพูดเเทรกขึ้นมา  "เราเป็นห่วงนะ ไม่สบายหรือเปล่า" พร้อมกับเอามือมาสัมผัสที่หน้าผากของฉัน  ฉันปัดมือผักบุ้งออก "ป่าวไม่มีไรหรอก" หลังจากนั้นพวกเราก็ขึ้นห้องเรียนปกติจนถึงช่วงเลิกเรียน ผักบุ้งอาสาไปรับไปส่งฉันได้ 2 อาทิตย์ได้ เเละในช่วงหลังเลิกเรียนผักบุ้งก็ชอบชวนฉันไปเดินตลาด ไปขับรถเล่น  ฉันรู้สึกอึดอักมากเลย เเต่ไม่กล้าที่จะถามคำถามนั้นออกไป จนมาวันหนึ่งผักกาดได้พูดถึงผักบุ้งให้ฉันฟัง "ฉันห้ามมันเเล้วนะ เราต้องไม่ทำแบบนี้ จริงป่ะ" ผักกาดพูดเเเล้วเดินจากฉันไป ฉันจึงรู้ว่าที่ผักบุ้งทำไปเพราะมันรู้สึกดีเราเรานี้เองเมื่อฉันรู้ความจริงที่ผักบุ้งทำนั้นยิ่งทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง เเละในทุก ๆ วันยัยผักบุ้งก็อาสาไปรับไปส่งฉันตลอดมานี้ก็จะเข้าเดือนที่สามเเล้ว เเต่ฉันกลับเริ่มรู้สึกดีต่อความรู้สึกที่มีต่อผีกบุ้ง  ทว่าฉันก็ยังกลัวความรู้สึกของตัวเองที่มีให้กับผักบุ้งเรามีเวลาอยู่ด้ยกันมากขึ้น จนความรู้สึกนั้นไม่ไม่ใช่เเค่เพื่อนนั้นมีให้เเก่กัน วันหยุดมันก็จะชวนฉันไปเที่ยวด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน เราอยู่ด้วยกันไม่ห่างเลยก็ว่าได้แล้วอยู่มาวันหนึ่งฉันก็รู้ความจริงจากปากของผักบุ้ง มันสารภาพรักกับฉันเข้าเเล้ว ฉันยังไม่ตกลงคบกับผักบุ้งเเต่ฉันก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกัน โดยที่ผักกาดเเละเเครอทไม่รู้เรื่องของเรา ในทุกวันมี่เราอยู่ด้วยกันเป็นแก๊งครบทีม ผักก็เเสดงออกอย่างไม่ปิดบังเขาชอบจับมือฉันตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันบางที่มันก็ดูเยอะไปจนเพื่อน ๆ นั้นสงสัย เรานั่งอยู่ที่ศาลาไม้ที่อยู่ตรงข้ามกับตึกเรียนเหยื่อง ๆกับสระน้ำบริเณหน้าอาคารเรียน แครอทพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเเละอึดอัดใจมาหลายวัน 
"นี่เเกสองคนเป็นอะไร มึงดูสนใจกันเป็นพิเศษ"
"อืม...อย่างที่ฉันเคยบอกเเหล่ะ"  ผักกาดพูดด้วยเสียงเเผ่วเบาเเละดุงเเครอทให้มีสติมากกว่านี้
ฉันได้เเต่นั่งเงียบ ฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผักกาดและแครอท ส่วนผักบุ้งนั้นก็นั่งสบายใจเฉยไม่สนใจใครเลย ทุกอย่างอยู่ในความเงียบที่ ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย มันอึดอัดไม่รู้จะทำอะไรยังไงต่อไป และนี่คงเป็นเหตุผลที่ผักกาดเเละเเครอทไม่ยอมคุยกับฉันเลย  ทุคนในกลุ่มเปลียนไป ไม่คุยสนุกเฮอาเหมือนแต่ก่อน "วันนี้เรียนหนักเนาะ  เเวะไปกินนมปั่นกันดีไหม -_-"  ฉันพยายามช่วนคุย  "อือ... " นั่นคือคำตอบที่เจ็บปวดสำหรับฉันที่สุด เเล้วไม่มีใครถามอะไรต่อ :(   มันเป็นอะไรที่อึดอัดจนอธิบายไม่ถูกจริงๆทุกอย่างที่เคยสดใสมันหายไปหมดเหลือไว้เเค่ความเลือนลาง เหมือนฉันอยู่ท่ามกลางทะเลที่ถูกลมพัดลอยเคว้งคว้างไม่มีทีท่าว่าจะถึงฝัง :(
                  พอถึงเวลาเลิกเรียนพวกเราก็พากันขับรถไปนั่งที่ร้านนมปั่น  เป็นร้านประจำของพวกเราเองนักเรียนที่นี่ชอบมานั่งเล่นบ่อยๆ เพราะมันใกล้กับโรงเรียนแถมอาหารเครื่องดื่มที่ร้านก็อร่อยสุด ๆ ห่างจากโรงเรียนประมาณ 500  เมตร พอเข้าไปในร้านทุกคนก็อยู่ในสถานการที่เงียบสงัด ผักกาดเอาเเต่เล่นโทรศัพท์แล้วยืนโทรศัพท์ใหเเครอทดูด้วยความสนิทสนิม หัวเราะคิกคัก  ทำอย่างกับฉันเป็นเหมือนอากาศ "ฉันกลับก่อนนนะพอดีต้องไปรับน้องที่โรงเรียนเเทนเเม่อ่ะ"  ผักบุ้งขึ้นมากลางความเงียบสงัดแล้วมองมาที่ฉันเขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของฉันนะตอนนี้ฉันยิ้มให้กับผักบุ้ง พร้อมกับพยักหน้า   เหลือเพียงฉัน ผักกาด และเเครอทที่ยังนั่งอยู่ในร้าน  ณ ตอนนั้นฉันก็พอรู้เเล้วเเหล่ะ ว่าทั้งสองไม่พอใจฉันเป็นแน่ เพราะลักษณะนี้ฉันเจอบ่อยมากกับการเเสดงออกของผักกาด เพราะทุกครั้งทีี่นงไม่พอ หรือไม่ได้ดั่งใจ นางก็จะมีอารณ์ เเละนิสัยในลักษณะนี้อยู่บ่อย ๆ ฉันพยายามทำควมเข้าใจเเละคุยกับเธอปกติ เเต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย "กลับกันเถอะ นี้ก็จะค่ำเเล้ว"  แครอทพูดขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน พอฉันมาถึงที่บ้าน ฉันก็นั่งถอนหายใจอยู่ครู่ใหญ่ หั่นไปเจอกับโดโต้  "นายเคยโดนมองข้ามไหม นายเคยโกรธใครไหม  ฉันน่ะหรอ.... ก็เคยโกรธคนอื่นนะ  เเต่เวลาที่ฉันโกรธหรือไม่พอใจคนอื่นน่ะ ฉันไม่กล้าที่จะเเสดงสีหน้าท่าทางเท่าไหร่หรอกนะ เป็นเพราะว่าเรากลัวเขาเสียใจ เราแคร์ความรู้สึกเขา เเต่ทำไมเขากล้าทำกับเราได้ขาดนี้ นี้ไม่ใช่คั้งเเรกนะ ถ้าเกิดฉันทำเเบบที่เขาทำบ้างเราคงจะไม่ชอบฉันแถมตัดขาดความเป็นเพื่อนไปเลยเเหล่ะ นานคิดเหมือนฉันไหมอ่ะ ฉันผิดมากเลยหรอ บอกกันดีๆ ก็ได้นิ นายว่าไหม ฉันอึดอัดมากเลยกับสถานการณ์ที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับมัน เฮ้อ..... ฉันหวังว่าอาการผีเข้าผีออกของยัยผักกาดคงดีขึ้นบ้างเเล้วเนาะนายคิดเหมือนฉันไหม ฉันคงไม่คิดจะตอบโต้ความรู้ของใครหรอกนะ เเค่นี้ก็อึดอัดใจจะเเย่ยุเเล้ว" เมื่อพูดจบ ฉันทิ้งตัวลงนอนไปพร้อมกับเจ้าโดโต้ ด้วยความกังวล เเละความอึดอัด เเล้วหลับไปพร้อมกัน Zzzz


แม่นางเหี่ยน
  

วันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตตติการ 3

ตอนที่ 3 นักเรียนนักเลง

               โรงเรียนมัธยมปลายเก่าเเก่ที่สุดก่อตั้งมานานกว่าห้าสิบปี ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุด เนื่องจากสถิติที่ผ่าน ๆ มา นักเรียนที่เรียนจบจากโรงเรียนนี้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศเป็นจำนานมากทีี่สุด เเต่...นั่นไม่ได้หมายความว่านักเรียนทุกคนของที่นี่จะเป็นนักเรียนที่ดีเสียทุกคนหรอกนะ =_=  เพราะนอกจากจะมีการสอบคัดเลือกนักเรียนที่มีผลการเรียนยอดเยี่นมเข้ามาเรียนเเล้ว ก็ยังมีพวกเด็กฝากเด็กเส้นทั้งหลายเเหล่ที่อาศัยว่าเกิดจากครอบครัวรวย เพื่อประดับบามรมี เเต่ดันไม่มีสมองเเละไม่ตั้งใจเรียนค่อยเเต่เเกล้งคนอื่นเเละยังเป็นภาระหนักอึ้งในโรงเรียนด้วย ซึ่งเเน่นอนว่าฉันไม่ใช่หนึ่งในจำนวนนั้นเเเน่ ๆ ฟังดูเหมือนฉันจะเป็นพวกบ้าเรียนไม่ค่อยสนใจใคร เเต่จริง ๆ เเล้วมันไม่ใช่เเบบนั้นหรอก -_-  ในชั่วโมงเรีนนฉันชอบเเอบกินขนม เเละไม่ได้ตั้งใจเรียนขนาดนั้นด้วยเเต่คะเเนนสอบของฉันก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตราฐานอยู่ โชคดีมากจริง ๆ ที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มของฉันอีกสามคน (ผักกาด ผักบุ้ง และ เเครอท)ที่เรียนมาด้วยกันสมัยมัธยมต้น ก็สอบเข้าที่นี่ได้เเถมยังเเรียนห้องเดียวกันกับฉันอีกด้วย   ผักกาดเป็นนพวกไม่ชอบพูดอะไรมากมาย เเต่เวลาพูดทีมักจะมีอะไรเด็ด ๆ เสมอ ถ้าเป็นผู้ชายก็เข้าข่ายพูดน้อยเเต่ต่อยหนัก ส่วนผักบุ้งเป็นสาวทอมที่คมเข้ม ชอบพูดจาหยอกล้อ คุยกับใครก็สนุกไปทุกเรีื่อง เเละงานถนัดขงนางก็คือเเกล้งเพื่อน เเละสาวร่างบางสูงน่ารักที่ชื่อเเครอท เป็นพวกเอาเเต่ใจเเสดงสีหน้าได้ชัดเจน เพื่อนก็จะคอยเอาใจเธอทุกครั้งไป ระหว่างที่พวกเรานั่งคุยกันในห้องเรียนกช่วงก่อนเลิกเรียน
วี๊ด ปัง!!
วี๊ด ปัง!!
เสียงประทัดดังคลึกโครมดังมาจากถนนทางโรงอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับหอประชุม ถัดจากตึกเรียนที่ฉันกับเพื่อนนั่งคุยกันอยู่ ฉันเเลัเพื่อน ๆ วิ่งลงจากตึกเรียนด้วยความตกใจ พอไปถึงโรงรถ ก็หันไปมองเสียงนั้นด้วยความสงสัย "ต้องเป็นไอ้พวกผู้ชายกลุ่มนั้นเเน่ๆเลย" ฉันพูดขึ้นมาลอยๆพลางขยับตัวขึ้นมอง "กลับกันเถอะ นี้จะสี่โมงเย็นเเล้ว" พักบุ้งพูดขึ้นพร้อมกับอมยิ้ม เพราะมันหยิบกุญเเจรถของันไปซ้อนไว้ก่อหญ้าหน้าทางเข้าโรงรถ  เเละทันได้เห็นอยู่เเวบหนึ่งว่ามีพวกกลุ่มเพื่อนผู้ชายกำลับจุดประทัดเเล้วเขวี้ยงมาทางที่พวกเรายืนอยู่ ประทัดลูกนั้นกลิ้ลงมาอยู่ข้างฉันพอดี ตุ้ม!!  ควันโขมงเต็มตัวไปหมดเลย ทุกคนนั้งหัววเราะ อย่างสนุกสนาน จะขัยรถกลับเเต่ดันหากุญเเจรถไม่เจอ กล่าวจะได้กลับถึงบ้านก็เกือบจะห้าโมงเย็น วันอะไรวะเนี้ย ซวยที่สุดเลย   ฉันเดินไปหาเจ้าโดโต้ "ทำไมวันนี้มันเป็นวันโหดร้ายกับฉันเหลือเกินเเล้วพรุ่งนี้ไอ้พวกผู้ชายกลุ่มนั้นมันคงเมาส์เรื่องฉันเเละล้อฉันเเน่ ๆ ฉันจะทำยังไง เฮ้อ....  " ฉันนั่งถอนหายใจเป็นสิบ ๆ ครั้ง  เเละนอนราบไปกับเตียงที่ฟูนุ่มเเบบคนไม่มีสติ



แม่นางเหี่ยน

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตติกาล 2

                   ตอนที่ 2 เพื่อนสนิท

                       
                    เเสงสว่างของพระอาทิตย์ในยามเช้าตรู่สาดส่องกระทบกับกระจกเงาข้างเตียงของฉัน ฉันลุกออกจากที่นอนด้วยอาการที่ยังงัวเงีย เดินไปเปิดม้านที่หน้าต่างออก เเสงของพระอาทิตย์เป็นสีทองอร่าม เเละหมู่เเมลงกำลังบินวนตอมดอกไม้หน้าระเบียงห้องที่กำลังบานอวดเเสงเเห่งวัน สายลมเย็นสบายพัดพาเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเกสรดอกไม้ทีบานสะพรั่ง เสียงนกน้อยร้องขับขานเหมือนดังเสียงนาฬิกาปลุก ฉันมองเห็นเจ้าต๊กตาหมี ยังนอนอยู่ในท่าเดิม "มาดูนี่สิ" ฉันเรียกตุ๊กตาหมีพร้อมกับเดิมไปจับเเขนของตุ๊กตามายืนที่ระเบียงห้องของฉัน "นายว่าวันนี้อากาศดีไหม ฉันชอบอากาศเเบบนี้จังเลย ฉันชอบผีเสื้อกลุ่มนั้น เเละนกพวกนั้นด้วย ฉัันอยากตื่นเช้ามาเเล้วจอพวกมันทุกเช้าเลยเเหละ เเล้วนายละชอบอากาศเเบบไหนหรอ" ฉันยืนจ้องตาตุ๊กตาหมีอยู่หน้าระเบียงครู่ใหญ่  "นายชอบชื่อนี้ไหม โดโต้ ฉันว่ามันเหมาะกับนายมากเลยนะ เพราะชื่อนี้เป็นชื่อของสุนัขที่ฉันรักมากที่สุดเเต่ตอนนี้มันได้ได้อยู่กับฉันเเล้ว" ฉันพูดด้วยสีหน้าที่ดูหมองเศร้า เเล้วหันมายิ้มให้ตุ๊กตาหมี "เมื่อคืนนายสนุกไหม ตอนนี้ฉันอยากอาบน้ำมากเลย เเละหิวมากด้วย รอฉันอยู่นี่นะ" ฉันวางเจ้าโดโต้ลงเเล้วเดินลงมาอาบน้ำกินเเละข้าวเหมือนทุกเช้า เเต่จะเป็นเช้าที่เศร้าหน่อยเพราะฉันอยู่กับเจ้าตุ๊กตาหมีเพียงลำพัง พ่อเเละเเม่ของฉันออกไปทำงานต่างจังหวัดเเต่เช้าไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่หรอกบางทีไปเป็นเดือนเลยก็มี เเต่ฉันก็มีเพื่อนใหม่ที่อยู่ด้วยเเล้วสบายใจ ก็เจ้าโดโต้ตุ๊กตาหมีที่ฉันได้ในงานวันเกินเมื่อคืนนี้ ดูไปดูมามันก็น่ารักเหมือนกัน ฉันว่ามันคงเหงาเเล้วเเหละ ฉันไปเล่นกับเจ้าโดโต้ข้างบนดีกว่า พอฉันเปิดประตูห้องเข้าไปทุกอย่างก็ปกติ เเต่ฉันรู้สึกเหมือนเจ้าโดโต้มันคงเหนื่อยกับงานเมือคืนเเน่เลยตั้งเเต่ฉันได้เจ้าโดโต้มาอยู่ด้วยฉันก็รู้สึกอบอุ่นมันเหมือนมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เวลาฉันจ้องมองมัน มันก็เหมือนหันมามองฉันทุกทีไป ฉันเอาเจ้าโดโต้ไปไว้ชั้นตุ๊กตาหมีที่เป็นของสะสมของฉัน เล้วฉันก็นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างเมามัน ฉันอ่านไปได้สักพักก็เผลอหลับไป หลังจากนั้นฉันเเละเจ้าโดโต้ได้เดินเข้าไปยังป่าเเห่งเกิด เเล้วเกิดพัดหลงทางกัน ฉันเดินเข้าไปในป่าลึกด้วยความเป็นห่วงเจ้าโดโต้ ไม่รู้หายไปไหน ตามหายังไงก็ไม่เจอ พอฉันสะดุ้งเเล้วลืมตาตื่น ฉันเห็นเจ้าโดโต้มาอยู่ข้าง ๆ ฉันกอดมันเเน่น เเล้วบอกกับมันด้วยเสียงสะอื้น "นายอย่าหายไปไหนอีกนะ นายคือเพื่อนของฉัน" ฉันพูดพลางเอามืดปาดน้ำตาที่เเก้ม เเล้วเล่าเรื่องที่ฉันพบเจอในฝันให้เจ้าโดโต้ฟังเเล้วฉันกับเจ้าโดโต้จึงตกลงเป็นเพื่อนที่ดีของกันเเละกัน ตั้งเเต่วันนั้นฉันก็เริ่มรักเเละสนิทกับเจ้าโดโต้มากขึ้นฉันคุยกับเจ้าโดโต้บ่อยขึ้นทุกวัน เเละฉันคิดว่ามันเป็นเพื่อนที่ฉันสามรถเล่าทุกอย่างที่อึดอัดภายในใจของฉันให้มันฟังโดยที่ไม่ระเเคะระคายอะไรเลย เเถมยังรู้สึกบายใจด้วยซ้ำที่ได้พูดมันออกมา  ฉันนั่งมองตาเจ้าโดโต้เเละเจ้าโดโต้ก็นั่งมองตาของฉันด้วยความไว้ใจซึ่งกันเเละกัน






แม่นางเหี่ยน

วันเสาร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560

นิยายเรื่องเเรกรักรัตติกาล



เรื่อง เเรกรักรัตติกาล


                ตอนที่ 1 งานวันเกิดผักหวาน 

               ในห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยของสะสมต่าง ๆ ของที่วางไว้ในชั้นข้างเตียงเต็มไปด้วยของสะสม ต่างๆมากมาย ขวดโหลที่เต็มไปด้วยดาวกระดาษที่มีสีสันสวยงาม ชั้นถัดมาเป็นตุ๊กหมีวางอยู่ประมาณ 15 ตัว มั่งที่ขาวเเละสีน้ำตาล ชั้นล้างสุดเต็มไปด้วยของสะสมเล็ก ๆ น้อย ๆ วางเรียงรายเต็มชั้นจนไม่มีที่ว่างเหลืออยู่ เสียงจากข้างนอกเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับมีเสียงเพลงคลอเบา ๆ เธอนั่งมองกระจกเงาเเล้วยิ้มให้กระจกอย่างมีความสุข มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขั้นมา "ผักหวาน ผักหวาน เเต่งตัวเสร็จหรือยังคะ เพื่อนมาเยอะเเล้วนะลูก " เสียงเเม่ของฉันร้องเรียกฉันอย่างตั้งใจ ฉันเดินออกจากห้องเเล้วมองไปรอบ ๆ ทุกอย่าง เป็นภาพความทรงจำที่พ่อเเเละเเม่ของฉันจัดเตรียมไว้รอเเต็มไปด้วยภาพที่มีความสุข ภาพครอบครัวที่อบอุ่น   รวมทั้งเพื่อนของฉันนั้งคุยกันพร้อมกับเครื่องดื่มเเละอาหารเต็มโต๊ะจนไม่รู้จะหยิบอะไรก่อนดี ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุขเละดูสดใสอย่างบอกไม่ถูก "นี่ ผักหวานมาถ่ายรูปกับพวกฉันหน่อยสิ" เสียงเพื่อนของฉันร้องเรียกมาจากข้างหลังพร้อมกับดึงเเขนฉันออกไปข้างนอกฉันมัวเเต่ถ่ายรูปจนกับเพื่อนๆอย่างเมามันเเละคุยกันตามประสาเเก๊งเพื่อน คุยไปได้สักพักหนึ่งฉันก็รู้เเล้วเเหละว่าพ่อกับเเม่ต้องออกมาเซอร์ไพรส์พร้อทเค้กก้อนโตเเน่ ๆ เเล้วไม่นานไฟทุกดวงดับลง ทุกอย่างมืดไปหมดจนมอองไม่เห็นอะไรเลย เเล้วเสียงเพลงก็ดังขี้นข้างๆหูของสั้นทั้สองข้าง พร้อมกับเเสงไปจากเทียงลิบลี่เริ่มสว่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทุกคนร้องเพลงวันเกิดดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาฉันน้ำตาคอลไปหมด รอบข้างของฉันเต็มไปด้วยเพื่อน ๆ เละครอบครัวของฉันเปฌนภาพน่าจดจำเเละฉันจะไม่ลืมภาพนี้เลย ฉันยืนอธิฐานอยู่นานพร้อมกับเป่าเทียนดับไปจนไฟสว่างขึ้นทุกดวง เสียบเป่าปากปนกับเสียงปรบมือจนฉันไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี เกรงไปหมดเลย
                ฉันนั่งดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลา 02:35น. ทุกคนเริ่มมีอาการมึน ๆ เเละง่วงนอน ฉันเดินไปดูกล่องของขวัญจากเพื่อนของฉัน เยอะเเยะเต็มไปหมดจนไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนเพราะทุกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันจะรู้ดีว่าฉันชอบสะสมสิ่งของที่เป็นขวดโหลเเเละตุ๊กตาน่ารัก ๆ ที่สามารถพกพาได้สะดวกเเละที่เชอร์ไพรส์ที่สุดนั่นคือของขวัญของคุณพ่อเเละคุณเเม่ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นจากที่ไหนมันคงเป็นสิ่งเดียวในโลกเเน่ๆ  ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล มีจมูกเหมือนหมู มีหนูเหมือนกระต่าย  ตัวประมาณ 50 เซนติเมตร  ฉันนั่งจ้องมันอยู่ครู่ใหญ่ ด้วยความสงสัย
               เมื่องานเลี้ยงจบลงทุกคนต่างเดินทางกลับบบ้าน  ฉันได้เเต่นั่งมองตุ๊กตาตัวประหลาดอย่งไม่คลาดสายตาไปไหนเลย  ฉันมีคำถามเยิะเเยะเต็มไปหมดที่จะถามคำถามกับเจ้าตุ๊กตาหมี เเต่ก็ได้เเค่นั่งเมอมอง เเล้วส่งยิ้มให้กับมัน เเบบมีเลสนัย "เเต่ก็เอาเถอะ ยังไงฉันก็ให้เเกอยู่ด้วยอยู่เเล้วเเหละ เเก่คงนอนที่ห้องเล็ก ๆ ของฉันได้นะ" ฉันพูดด้วยสีหน้าเชยชา เหมือนไม่ต็มใจ เเล้วเธอก็เผลอหลับไปพร้อมกับตุ๊กตาหมีที่นอนอยู่ข้างเตียงของเธอ




วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

ภารกิจที่ึ 7 วิเคาะห์เพลงนิราศ


วิเคราห์เพลงนิราศ



นื้อเพลง : เข็ดรักจากเจ้าพระยา
ศิลปิน : หนู มิเตอร์ อาร์ สยาม
อัลบั้ม : เข็ดรักจากเจ้าพระยา
คำร้อง / ทำนอง / เรียบเรียง : หนู มิเตอร์

ลอยเรือกลับมา หนุ่มเจ้าพระยาพกพาความช้ำ
 สาวปากน้ำโพใจดำ หลอกอำให้พี่ผิดหวัง
เก็บใจจะไม่รักใครอีกครั้ง แต่บุพเพก็ยัง ส่งใครมามากมี
ลอยเรือผ่านมา เจอะสาวงามตาจังหวัดอุทัย 
สาวชัยนาทก็ไฉไล งามน้ำใจสาวสิงห์บุรี
สาวอ่างทองหากใครได้ครองคงโชคดี 
สาวอยุธยา ปทุมธานี น้องเป็นสตรีที่งามเลอค่า

* อยากจะรักใคร ตรวจดูหัวใจยังไม่แข็งแรง 
ถูกความรักแทงเข็ดจนเรี่ยวแรงไม่มีเหลือมา
ได้เจอะหน้าใคร แค่มองผ่านไปไม่กล้าสบตา
 เพราะรู้สึกใจชา ไม่กล้าจะมีรักใหม่
ลอยเรือฝ่าฝน ที่ตกเสียจนร่างกายเปียกปอน
 ต้องลาแล้วแม่ขนตางอน ลาไปก่อนแม่สาวทั้งหลาย
ถ้าพี่กลับมา และพร้อมหัวใจจะรักใคร
 หากผิดหวังกลับไป จะออกอ่าวไทยแล้วไม่กลับมา



จุดประสงค์ของการเเต่ง 

                 ผู้เเต่งเอาเรื่องราวจากการเดินทางของชายหหนุ่มที่เสียใจจากคนรักเเล้วล่องเรือกลับ โดยผ่านจังหวัดต่าง ๆ เเละพบเจอหญิงสาวสวย ๆ ตามจังหวัดต่าง ๆ ที่ล่องเรือผ่าน เเต่ก็ยังไม่กล้าที่จะรับรัก เปิดใจกับหญิงใด เพราะกลัวซ้ำรักเหมือนครั้งก่อน 

สถานที่ในเพลง

1. จังหวัดอุทัยธานี
2. จังหวัดชัยนาท 
3. จังหวัดสิงห์บุรี 
4. จังหวัดอ่างทอง
5. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
6. จังหวัดปทุมธานี

วิเคราะห์เนื่อหาของเพลง

              จากเนื้อหาของเพลงเข็ดรักเจ้าจากพระยา เป็นการนำเสนอเรื่องราวความรักที่เเสนเศร้าของชายหนุ่ม ที่ตัดใจเดินทางออกมาแล้วล่องเรื่อเพื่อกลับบ้าน มีหญิงสาวที่ผ่านเข้ามาให้พบเจอเเต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเปิดใจรับรักได้ 
             เนื้อหาในเพลงเป็นการดำเนินเรื่องราวเหตุการณ์ไปอย่างเรียบง่าย เเละการใช้ภาษาที่เรียบง่าย ไม่ต้งอาศัยโวหารในารตีความหมายในเพลงมากนัก  ในช่วงเเรกจะกล่าวถึงชายหนุ่มทีอกหักเเล้วล่องเรื่อไปตามเเม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านยังจังหวัด สถานที่ต่างๆ ดังเช่นในตัวอย่างเพลงเขียนว่า 
                                       "ลอยเรือผ่านมา เจอะสาวงามตาจังหวัดอุทัย 
สาวชัยนาทก็ไฉไล งามน้ำใจสาวสิงห์บุรี
สาวอ่างทองหากใครได้ครองคงโชคดี 
สาวอยุธยา ปทุมธานี น้องเป็นสตรีที่งามเลอค่า"
เเต่ก็ได้เเค่มองผ่านหญิงงามตามที่ต่าง ๆ เพราะยังไม่กล้าจะมีรักใหม่นั่นเอง





วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ภารกิจ 3/1 บันเทิงคดีของตนเอง

ภารกิจที่ 3/1 

1. คิดรูปแบบประเภทบันเทิงคดีที่ตนเองจะเขียน
       ประเภทเรื่องสั้น  เพราะเป็นการเล่าเรื่องราวที่อ่าน อ่านเเล้วเข้าใจง่ายเเละเนื้อหาไม่ยายมากนัก เเละไม่ซับซ้อนจนเกินไป

2. นำเสนอเหตุผลเเลกเปลี่ยนกันอย่างสร้างสรรค์
        เรื่องที่จะนำเสนอเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อน ในเวลาที่เราอยู่กับกลุ่มคนหลาย ๆ เเนวคิดนั้น เราควรต้องทำตัวอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนก็ต้องประสบพบเจอในหลาย ๆ รูปแบบ จึงอยากจะนำเสนอในเรื่องราวของเพื่อนในหลาย ๆ มุมมองที่เเตกต่างกันออกไป

วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

นินทาตัวเอง ความรักหนุ่ม-สาว

ภารกิจที่ 2/1

เรื่อง  ยัยเฉิ่มเลือกได้ 
          
                เราเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แก่น ๆ ชอบเล่นเหมือนผู้ชายใคร ๆ ก็บอกว่าเราเป็นทอมแน่ ๆ เลย แต่จริง ๆ ฉันเป็นผู้หญิงนะจ๊ะและไม่คิดจะเป็นทอมด้วยค่ะ ด้วยเหตุนี่แหละจึงไม่มีใครกล้ามาจีบ จนวันที่ฉันเข้าเรียนโรงเรียนมัธยม ฉันยังเป็นเด็กเฉิ่ม ๆ แต่แปลกมีรุ่นพี่มาชอบด้วยแหละไม่ธรรมดาใช่ไหมล่ะ ฮุฮุ  จำไม่ได้หรอกว่าเริ่มคุยกันตั้งแต่ตอนไหน แต่เมื่อวันวาเลนไทน์มาถึง ผู้หญิงเฉิ่มๆที่ตัดผมหน้าม้า  เหมือนนักร้องที่ชื่อว่า จินตหรา  ตาโต แก้มป่อง หน้ามัน  คนนี้แหละ ได้ดอกกุหลาบตั้ง 2 ช่อเลยแหละ เวลาก่อนพักเที่ยงมีเพื่อนคนหนึ่ง ยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน โทรศัพท์ใครอ่ะ  ทำไหมเอามาให้ฉัน”  ฉันถามเพื่อนคนนั้น มีรุ่นพี่ฝากมา ถ่ายรูปเธอให้เขาหน่อยเพื่อนตอบพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย พอถึงวันวาเลนไทน์ ฉันได้ดอกไม้ 1 ช่อ พร้อมกับรูปภาพที่ฉันเป็นคนถ่ายในมือถือเครื่องนั้น พร้อมเขียนข้างหลังภาพว่า  หนูน่ารักมาก..... จำได้แค่นี่แหละ :)  ยืนแก้มเเดงเลยแหละวันนั้น  พอถึงช่วงเลิกเรียน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีช่อดอกไม้มาอีก 1 ช่อค้า.... จากผู้ชายตัวอ้วนๆ ขาวๆ เขาเป็นรุ่นพี่เรียนสายศิลป์ คิดในใจ เฮ้ย! นี้เราตกลงคบกับเขาจริงๆหรอเนี่ย ที่เขามาจีบ คือ เราน่ารักหรือเราหน้าตาซื่อบื้อกันแน่วะ ต่อมาเราก็คุยกันไปเรื่อยๆ ดีจะตายมีคนไปรับไปส่ง วันนั้นเป็นวันสอบวันสุดท้ายปิดภาคเรียน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วันนี้กลับบ้านพร้อมพี่นะเดี๋ยวไปทานข้าวด้วยเราก็ตอบตกลงทันที แล้วไม่นาน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก  รุ่นพี่สายศิลป์คนนั้นโทรมา
รอยุโรงรถเหมือนเดิมนะ
เอ่อ...คือ....หนูต้องไปกินเลี้ยงกับเพื่อน พี่กลับก่อนเลยค่ะพี่เขาตอบตกลง แล้วพี่เขาก็กลับพร้อมกับเพื่อนแก๊งใหญ่มาก  พอฉันกลับถึงบ้านพร้อมกับรุ่นพี่สายวิทย์คนนั้นระหว่างเขาไปนั่งคุยกับแม่อยู่  ฉันออกไปซื้อของแต่รุ่นพี่ที่เรียนสายศิลป์คนนั้นขับรถผ่านมาหน้าบ้านเราพอดีดันเจอกับพี่สายวิทย์นั่งอยู่เก้าอี้หน้าบ้านแล้วพี่สายศิลป์ก็จดรถพร้อมกับแก๊งเพื่อนเเล้วเขาก็ตะโตนด่าพี่สายวิทย์ แล้วขับรถไปกับแก๊งเพื่อน พอฉันมาถึงบ้านแม่ก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง พร้อมกับรุ่นพี่สายวิทย์ที่มองเราด้วยสายแปลกๆ เขาเดินมาหาฉันพร้อมกับร้องไห้  พี่ทำเพื่อหนูได้ทุกอย่างแต่ทำไม่หนูต้องทำกับพี่แบบนี้ล่ะ เขาพูดพร้อมกับเสียงสะอื้นที่น่าสงสารมาก   เสียงโทรศัพท์ฉันดังขึ้นอีกครั้ง ต้องเป็นรุ่นพี่สายศิลป์แน่ๆเลยฉันคิดในใจไม่กลับกดรับสาย พี่รับสายให้ไหม คุยต่อหน้าพี่แล้วเปิดลำโพงด้วย”  เสียงพี่สายวิทย์พูดขึ้น ฉันได้แต่ยืนทำหน้าตาเอ่อเล่อแล้วกดรับโทรศัพท์ เสียงแรกที่ได้ยินน่ากลัวมาก น้องคบกับมันตั้งแต่ตอนไหน บอกมาว่าจะเอายังไง

หลังจากวันนั้นฉันก็บอกเลิกรุ่นพี่ทั้งสองคนแต่แปลกทำไมผู้ชายต้องร้องไห้ต่อหน้าเราด้วยก็แค่บอกเลิก ฉันบอกกับพวกเขาว่าเรายังเป็นพี่น้องกันได้นะ  และหลังจากวันนั้นฉันก็ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนมากขึ้น ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิดนะแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ได้แต่ท่องว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป คำนี้ยังศักดิ์สิทธิจริงๆ

วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

นินทาเพื่อน


เรื่อง  เพราะเธอคือเพื่อน

           เรามีเพื่อนอยู่คนหนึ่งรู้จักกันมา 4 ปี เเล้วเราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นคนพูดตรง ๆ
  คุยได้ทุกเรื่องเเละยังเป็นคนสนุกสนาน จนบางที่เราก็อิจฉาว่า "มันไม่มีเรื่องทุกใจบ้างเลยหรือไงยัยนี่"
  เวลาไปเรียนเพื่อน ๆ จะชอบมาหยอกมาล้อเขาตลอด เรียกได้ว่า ตัวฮาประจำห้องเลยเเหละ 
  อีกอย่างเขาเป็นคนชอบร้องเพลงเเนวเพลง หมอลำ , ลูกทุ่งหมอลำ เเต่จะรู้ไหมว่าเสียงของนาง
  เพราะม๊าก.....(ประชด) เขามีน้ำเสียงเล็กๆน่ารัก เป็นผู้หญิ่งที่เสียงมีเสน่ห์ จนเเสบเเก้วหู ทุกๆครั้งที่เขา    พูด หรือ ร้องเพลง ในทุกครั้งจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะขบขันของเพื่อน ๆ เพราะเขาเป็นคนสนุกสนาน  เฮฮามีมุกหยอดเพื่อน ๆ ตลอด  เขาดูมีเสนห์เพราะคำพูดเเถมยังมีเสียงเล็ก ๆ น่าไม่เหมือนใคร 
 ซึ่งเเตกต่างจากรูปร่างของเขาเหลือเกิน เขาเปนผู้หญิงอวบอั๋นบั่นท้ายส่ายสะบัดน่ามองดูตรงไหนก็เต็ม
 ก็เเน่นไปหมด เเตาดูรวมๆเเล้วนางก็มีเสหน์ไม่เบาเลยเเหละ
           ข้อดีของเขาคือสามารถทำให้เพื่อนหลาย ๆ คนคลายเคลียด  เเต่ข้อเสียคือนางชอบบ่น โน้น นี่  นั่นไปเรื่อย เเต่ฉันก็ดีใจที่ได้พบเพื่อนที่มีบุคลิกร่าเริง สดใส ตลก เฟรนล์ลี่ การเป็นคนที่พูดตรง ๆ คุยได้  ทุกเรื่อง ทำให้ฉันด้เรียนรู้อะไรต่าง ๆ จากเพื่อนคนนี้หลายหลายอย่าง 
           มันเป็นเรื่องที่ดีที่เราได้เจอกันและเป็นเพื่อนกันจนถึงทุกวันนี้   รักเเกนะ  :) :)


วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

เพลงพื้นบ้าน กลุ่มเพลงร้องเล่น




เพลงร้องเล่น 4 ภาคกลุ่ม 9,10

นางสาวสุปรียา โวหารดี ปี3 หมู่1 รหัส 57210406120


เเต่งเพลงจากวรรณกรรม เรื่อง นางผมหอม








เนื่อเพลง  อธิษฐานตามหารัก
จากนินทานพื่นบ้าน  เรื่องนางผมหอม
ทำนอง แต่ปางก่อน
ศิลปิน หญิง ธิติการณ์
รอชายมาเคียงคู่มาแสนนาน
 อธิษฐาน ด้ายใจใฝ่หา
ฝากสำเนียง ไปกับคงคา
บอกพี่ยา น้องรออยู่ถ้ำกุญชร
คามรัก นั้นมันจะเป็นเช่นไร
เสี่ยงทาย ด้วยใจเราสอง
ถ้าเราเกิดมาเป็นคู่ครอง
หมายปอง ความรักนิรันดร์
ขอพรเทพไท้เทวา
พบพา ผู้ชาย คนนั้น
อยู่แห่งไหนๆ  ขอให้เจอกัน
ดวงจิตผูกพันธ์ รักมั่นมีเพรียงสองเรา
คงเป็นรอยบุญ ให้มาพบพา
ภาวนาเป็นจริงสมดั่งใจหมาย
สองเราจะได้อยู่คู่เคียงกาย
สองดวงใจนั้นมีความสุขสมดังรอคอย
         นางสาว สุปรีย โวหารดี
   ปี3 หมู่1 รหัส57210406120

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560

สรุป การวิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง นางผมหอม

                     

                ภารกิจพิเศษ วิเคราะห์งานวรรณกรรมนิทาน

 เรื่อง นางผมหอม

เรื่องย่อ

              สามีภรรยา คู่หนึ่งอยากมีบุตร นางมีชื่อว่า นางเเมน นางแมนเเละสามีได้ไปขอพรจากเทวดา ขอให้ตนนั้นมีบุตรสืบทอดตระกลู หลายวันต่อมานางจึงตั้งครรภ์ ลูกในครรภ์ของนามเเม้น นั้นเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรรค์ เมื่อหมดหมดเเล้ว เทวดาจึงสั่งให้มาเกิดในครรภ์ของนามแม่น  เป็นหญิงรูปงามชื่อว่า สีดา  เมื่อนางสีดาอายุครบ 16 ปี จึงอยากออกเที่ยวชมป่า นางแมนเเละสามีค่อยห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง จึงให้ทหารและนางสนมออกไปเป็นเพื่อนพอไปถึงป่าเขา ใกล้ลำธารใหญ่ นางสีดาเเละสนมก็ได้ลงเล่นน้ำอย่างสบายใจ ทหารที่ค่อยเฝ้าเหลือบมองไปเห็นยักษ์ ก็รับบอกนางสีดาเเละสนมทั้งหลายวิ่งหนีเพราะกลัวว่าจะเป็นอาหารของยักษ์ บ้างก็วิ่งเข้าไปในป่าลึก บ้างเเอบซ่อนอยู่ใต้โคลนต้นไม้ใหญ่ เมื่อยักษ์ตนนั้นหายไป ทหารเเละสนมก็ตามหานางสีดาแต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอจึงรีบกลับเมื่องเพื่อบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นพ่อเเละเเม่ของนางสีดา  นามแมนเเละสามีรำไห้และ ได้สั่งนางสนมไปตาม โหรมาทำนาย เพื่อตตามนางนางสีดา โหรจึงกล่าวออกไปว่านางสีดายังมีชีวิตอยู่ อีก 2-3 วันเดี๋ยวนางก็กลับมาเอง เมื่อใด้ยินเช่นนั้น นางแมนเละสามี พร้อมทั้งไพร่พลทหารก็ดีใจ  
          นางสีดาเมื่อรู้สึกตัวก็ไม่เห็นใครอยู่กับตนแล้วจึงหาทางกลับบ้านเมื่องของตนเองระหว่าเดินทางนั้นนางก็กินผลไม้ไปตามนาง เล้วเกิดหิวน้ำ จึงไปเห็นรอยเท้าของวัวกะทิงจึงกล้มลงไปกินน้ำในรอยเท้าของวัวกะทิง เเต่นางไม่สดชื้นขึ้นมาเลยกลับคอเเห้งและเหนื่อยล้า พอเดินไปเรื่อยๆนางก็เห็นรอยเท้าของช้างที่มีน้ำขังยุเช่นกันนางจึงกล้มลงไปกอนในในรอยเท้าของช้าง ทำให้นางลดชื้นขึ้นมาและมีเเรงเดินจึงเห็นบ้านเมืองของตนเมื่อนางสีดาเดินมาถึงเมืองพร้อมกับสนมคอยตอนรับเป็นอย่างดี ทุกคนต่างดีใจ หลังจากกลับจากป่าได้ นางก็ท้อง ผู้เป็นพ่อเเละแม่ ค่อนซักถามถึงพ่อของเด็กในท้อง นางก็เล่าเรื่องราวที่นางอยู่ในป่าให้พ่อและเเม่ฟัง ถามอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ จนนางสีดาคลอดลูกเป็นแฝดหญิง คนพี่ชื่อนางผมหอม ที่ชื่อว่าผมหอม เพราะ เมื่อออกจากครรภ์ก็มีผมที่มีกลิ่นหอม ส่วนคนน้องชื่อว่านางลุน ที่ได้ชื่อ ว่านางลุน เพราะ ออกทีหลัง  นางลุนมีนิสัยชอบรังเเกพี่สาวของตนเองซึ่งมีนิสัยต่างจากนางผมหอม   นางผมหอมเเละนางลุนโตมาด้วยกันเมื่อมีอายุได้ 14 ปี ก็ค่อยถามนางสีดาว่าพ่อของตนเป็นใคร  เวลาออกไปเล่นกับเพื่อน เพื่อนก็ล้อว่าเป็นลูกช้าง ลูกกระทิง เพราะได้ยินคนอื่นเลาต่อกันมา  นางผมหอมเเละนางลุน จึงของผู้เป็นเเม่ เพราะอยากออกไปตามหาพ่อของตนเองว่าเป็นอย่างที่ชาวบ้านผู้จริงหรือไม่ แม่ห้ามอย่างไร นางผมหอมเเละนางลุนก็ยืนยันว่าจะออกไปป่า  เมื่อนางผมหอมและนางลุนออกเดินป่าและเห็นรอยเท้าช้าง จึงเดินตามร้อยเท้าช้างไปเรื่อยๆจนถึงป่าลึก นางทั้งสองเจอกับช้างเจ้าพญาตัวใหญ่แล้วจึงเล่าเรื่องราวให้พญาช้างสารฟัง เมื่อพญาช้างได้ฟังก็คิดว่านางทั้งสองจะเป็นลูกของตน พญาช้างจึงอธิษฐาน หากใครเป็นลูกของตนจริงขอให้เหยียบงาขึ้นมานั่งที่คอได้อย่างง่ายดาย เมื่ออธิษฐานเสร็จ ก็บอกให้นางทั้งสองปีนงาของตน  นางลุนพูดกับนางผมหอมเพื่อจะขอขึ้นก่อน แต่นางลุนปีนขึ้นไปกี่ครั้ง ๆ ก็หล่นลงมาที่พื้นดิน เเต่นางผมหอมปีนเพียงครั้งเดียวก็ไปนั่งอยู่บนคอ พญาช้างจึงเชื่อว่านางผมหอมเป็นลูกของตน พญาช้างสารจึงใช้เท้าเหยียบนางลุนตายแล้วพานางผมหอมไปอยู่ในหอโคงที่พญาช้างอาศัยอยู่ เเละคอยหาอาหารมาให้นางผมหอม ระหว่างพณาช้างออกไปหาอาหาร จึงพบเด็กทั้งสองหลงทางเข้ามาในป่าจึงนำเด็กทั้งสองไปอยู่เป็นเพื่่อนลูกของตน นางผมหอมได้อยู่กับเด็กทั้งสองจนผูกพันธ์หลายวันต่อมาจึงพกันไปอาบน้ำที่ลำธารนางผมหอมจึงเขียนจดหมายเเละนำเส้นผมของตนใส่ผอบเเล้วอธิษฐานหากใครเป็นคู่ครองของตนของงให้เก็บผอบนี้เเล้วตามเส้นผมหามานาง เมื่อผอบลอยตามลำธารไปถึงเมืองต่างๆก็ไม่มีใครสามารถจับผอบนั้นได้ เมื่อเจ้าชายผู้หนึ่ง  มีชื่อว่า พระทะรังสิทธิ์ เห็นผอบก็หยิบมาดูเมื่อเห็นจดหมายในผอบก็เดินทางตามมหานางผมหอม จนถึงหอโคง พระทรังสิทธิ์ได้พบกับนางผมหอมจึงตกหลุมรักเเล้วเเอบบอยู่ด้วยกันระหว่งที่พญาสารสารออกไปหาอาหาร  ผ่านไป 7 เดื่อน พญาช้างก็เริ่มสงสัยนางมหอม เพราะได้กลิ่นตัวผู้ชาย  เเต่นางก็ไม่บอกความจริงต่อพญาช้าง จนนางได้ลูก 2 คน หญิงเเละชาย ลูกชาย ชื่อว่า สีลา ส่วนผู้หญิง ชื่อว่า ชาฎา 
            เมื่อนางผมหอมบอกความจริงกับพญาช้างผู้เป็นพ่อ เพื่จะกลับบ้านเมื่องของตนเอง แล้วให้สามีไปส่งสนมทั้งสองกลับบ้าน ตนเเละสามีก็จะกลับบ้านเมืองเช่นกัน พญาช่างสารจึงนำงาของตนให้นางผมหอมเเละสามี งานทั้งสองกลายกลายเป็นเรือ เเละ พาย นางเเละสามีพร้อมลูกเดินทางไปเรื่อยๆเมื่อถึงกลางลำธารลูกทั้งสองนั้นอยากได้ดอกบัว  แต่มีผีพรายนั้นคอยจ้องอยู่ จึงเกิดการต่อสู้กันกลางลำธาร ผีพรายเเปลงร่างเป็นนางผมหอมและทำให้นางผมหอมตกเรือ  พระทะรังสิทธิ์ไม่รู้ว่าที่นั่งเรือไปกับตนนั้นเป็นผีพรายจนไปถึงเมือง  เเต่เมื่อพระทะรังสิทธิ์รู้ความจริง เพราะผีพรายไม่มีผมที่หอมเหมือน นางผมหอมเมียของตน จึงออกตามหานางผมหอม กลับเมือง  และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
  

ที่มาเเละความสำคัญ

              เรื่อง นางผมหอม เป็นตำนานนิทานพื้นบ้าน หรือเป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา  เเบบมุขปาฐะเเล้วจึงนำมาเรียบเรียงขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร หนังสือนิทานพื้นบ้าน
   ต้นฉบับ :  นิทานนางผมหอม เป็นคำกลอนโบราณภาษาอีสาน เป็นเรื่องจรจัด ลำบาก เดินป่า น่าสงสาร รวมในเรื่องนางผมหอม  

   ผู้เเต่ง :  เตชวโร ภิกขุ (อินตา กวีวงศ์)
   ปีที่พิมพ์  :  2547
  จัดพิมพ์   : บริษัท ขอนเเก่น คลังนานาธรรม จำกัด 
   จำหน่ายที่  :  บริษัท ขอนเเก่น คลังนานาธรรม จำกัด  161/6-8 ตรงข้ามตลาดสดเทศบาล 1  ข้าง                            โรงเรียน กัลยาณวัตร ถนนกลางเมื่อง  ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนเเก่น 40000 

วิเคราะห์เนื้อหา

        1.  วิเคราะห์ชื่อเรื่อง : นิทานนางผมหอม ตั้งชื่อเรื่องมาจากตัวละครที่มีผมที่มีกลิ่นหอม ซึ่งเป็นการตั้งชื่อของคนในสมัยก่อนที่มีความเชื่อต่างๆมากมาย เช่นนางผมหอม เมื่อคลอดออกมาก็มีกลิ่นผมที่หอม หรือ คนที่ชื่อเอื้อย อาจจะเป็นคนที่เกิดก่อน เช่นเดียว กับนางลุนในเรื่องนางผมหอม  ที่ชื่อลุนเพราะว่าเกินที่หลัง เป็นต้น
       2. เเก่นเรื่อง : คนดีจะอยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบาก มีคนช่วยเหลือเลี้ยงดู
      
       3. โครงเรื่อง 
               -โครงเรื่อง นางผมหอมและนางลุนออกเดินทางเพื่อตามหาพ่อ ถึงแม้จะพบพ่อของนางผมหอมเเต่นางลุนผู้เป็นน้องก็ต้องตายจาก นางผมหอมก็มีความสุขเพียงชั่วขณะเพราะนางต้องสู้ทนลำบากกับผีร้ายที่จ้องจะทำร้ายนาง แต่ด้วยผลเเห่งความดีก็ทำให้นางได้กลับมาครองรักกับคนรักเช่นเดิม
         
               -เปิดเรื่อง กล่าวถึงนางเเมน อยู่ที่นครศรีอยากมีบุตรไว้สืบสกุลครองเมื่อง เทวดาจึงส่งนางสีดาลงมาเกิดในครรภ์

              -ปมในเรื่อง นางลุนผู้เป็นน้องที่ตกจากงาพญาช้างสารตาย จนได้ไปเป็นผีโพงแล้วเเปลงกายเป็นนางผมหอมเพื่ออจะได้อยู่กับเจ้าชายทะรังสิทธิ์สามีของนางผมหอม
         
              -ปิดเรื่อง  นางผมหอมกับเจ้าชายทะรังสิทธิ์ ครองรักกันอย่างสมหวัง


วิเคราะห์ตัวละคร

      1. ตัวละครหลัก
                - นางผมหอม  เพศ        หญิง 
                                         สถานะ    ไม่ปกติ  (เป็นลูกของคนเเละช้าง)
                                         ลักษณะ  เป็นหญิงรูปงาม มีผมที่มีกลิ่นหอมเเต่กำเนิด มีนิสัย อ่อนโยน จิตใจดี
             
                -นางลุน          เพศ         หญิง       
                                        สถานะ    ไม่ปกติ  (เป็นลูกของคนเเละวัวกะทิง)
                                        ลักษณะ  เป็นหญิงรูปงาม มีนิสัยก้าวร้าว  ไม่เชื่อฟังใคร
         
              -นางสีดา          เพศ        หญิง
                                       สถานะ     ปกติ  
                                       ลักษณะ   เป็นหญิง  (แม่ของ นางผมหอม และนางลุน) 
  
              -นางแมน         เพศ        หญิง
                                       สถานะ     ปกติ  
                                       ลักษณะ   เป็นหญิง  (แม่ของ นางสีดา) 
         
             -พญาช้างสาร  เพศ        ชาย
                                       สถานะ    ไม่ปกติ  (ช้างป่า)
                                       ลักษณะ   ช้างป่าตัวใหญ่

            -พระทะรังสิทธิ์   เพศ        ชาย
                                       สถานะ    ปกติ  
                                       ลักษณะ   เป็นชายรูปงาม  เเห่งเมื่องเป็งจาง

    2. ตัวละครรอง
           
              - สามีนางแมน (ไม่มีชื่อ)   เพศ        ชาย
                                                          สถานะ    ปกติ  
                                                          
              - ลีลา                เพศ        ชาย
                                       สถานะ    ปกติ  (ลูกชายของนางผมหอมกับพระทะรังสิทธิ์)
                                       ลักษณะ   เป็นเด็กชายรูปงาม 
             - ชาฎา              เพศ        หญิง
                                       สถานะ    ปกติ    (ลูกสาวของนางผมหอมกับพระทะรังสิทธิ์)
                                       ลักษณะ   เป็นเด็กหญิงรูปงาม น่ารัก
           
              - ผีพราย          เพศ        หญิง
                                       สถานะ    ไม่ปกติ    
                                       ลักษณะ   เป็นผีพราย น่ากลัว เจ้าเล่ห์


ฉากสถานที่         

                 ฉากหลัก  คือ ป่า                                                                                                                                          นางลุนเเละนางผมหอมออกตามหาพอของตนเองในป่าใหญ่  จนนางลุนนั่นตายในป่าโดยพญาช้างทำร้าย เเละนางผมหอมอาศัยอยู่กับพญาช้างในป่าเป็นเวลาหลายปี 

                 ฉากรอง คือ เมืองเป็งจาล เเละ เมื่องนครศรี                                                                                             -เมื่องเป็งจางเป็นเมื่องของเจ้าชายทะรังสิทธิ์                                                                                            -เมืองนครศรีเป็นบ้านเมื่อนของนางแมน ผู้เป็นเเม่ของนางผมหอม

  ความโดดเด่นของวรรณกรรม

             ด้านเนื้อหา : สะท้อนให้เห็นถึงบาปบุญคุญโทษ การกระทำ เช่น นางผมถึงเเม้ต้องพลัดพราก    จากสามีเเละลูก เเต่ก็ยังอาศัยอยู่ในป่ากับสัตว์ที่เป็นมิตรกับนางเเละคอยช่วยเหลือนางมาตลอด
              ด้านตัวละคร  : นิทานเรื่องนางผมหอม  ตัวละครจะเป็นตัวดำเนินเรื่อง   เช่น
                -นางลุน เป็นหญิงที่ มีนิสัยชอบรักเกคนอื่น    ก้าวร้าว ไม่เชื่อฟังใคร  นางพยามยามอ้างตนเองว่าเป็นลูกพญาช้าง เพื่อให้พญาช้างรับตนเองไปเป็บลูกแล้วให้ฆ่าพี่สาวของตนเอง                                                  -นางผมหอม เป็นหญิงงาม เเละมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนใคร คือมีผมที่มีกลิ่นหอม กว่าหญิงอื่นใด                                                                                                                          

               ด้านการใช้ภาษา : นิทานนางผมหอม ผู้เเต่งใช้ภาษาอีสานในเขียนการดำเนินเรื่อง เเละยังเขียนเป็นคำกลอนอีสาน ประเภทกลอนสุภาพ กลอนสุภาพหรือกลอนเเปดนับว่าเป็นกลอนหลัก เพราะเป็นหลัก ของบรรดากลอนทุกชนิด ถ้าเข้าใจกลอนสุภาพ เป็นอย่างดีแล้ว ก็สามารถจะเข้าใจกลอนอื่นๆ ได้โดยง่ายนั่นเอง

การนำมาประยุกต์ใช้ 

       1. ละครพื้นบ้าน


       
            2. นิทานพื้นบ้าน



             3. ลำเรื่องต่อกลอน


การสร้างสรรค์เป็นสื่อการเรียนการสอน                                                                   
               - สื่อสไลด์ เรื่องนางผมหอม

 สรุปภาพ Infographics