วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แรกรักรัตติกาล 8



ตอนที่ 8   พ่อเเม่และเเฟน


           หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉันอยู่กับพ่อและเเม่ตลอดเวลา ในช่วงปิดภาคเรียน ฉันชอบเข้าครัวทำอาหารกับแม่เป็นประจำและแม่ก็จะชอบทำในสิ่งที่ฉันชอบทานอยู่เสมอ 
           "พ่อคะ อาหารเสร็จแล้วค้าาาา" ฉันร้องเสียงดังพร้อมกับถือถาดอาหารถาดใหญ่เต็มมือไปไว้ที่โต๊ะอหาร
           "สองชิมดูสิคะ หนูทำเองเลยนะพ่อ"^^ ฉันพูดพ้อมอมยิ้มเล็กน้อย แล้ววางอาหารลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น พ่อมองหน้าหน้าฉันเเล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตักพัดผักแล้วจัดการชิมทันที
          "หืม... อร่อยจริงด้วย" พ่อพูดขึ้นเท่านั้นเเหละแม่ก็ยิ้มกว้าง พลอยให้ฉันอดยิ้มตามไม่ได้ แม่เดินมานั่งโต๊ะพร้อมกับฉัน 
           "เอ่า พ่อกินเยอะ ๆ นะ จะได้มีเเรง" แม่จัดการตักข้าวใส่จานให้พ่อ  ทำให้พ่อยิ้มกว้างออกมาทันทีก้มหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อย   ฉันนั่งทานข้าวกับพ่อและแม่อย่ามีความสุข ระหว่างที่ฉันกำลังทานข้าวพลางพูดคุยกันบนโต๊ะอาหาร  มีเงาของชายร่างสูงคนเดินเข้ามาทางประตูพร้อมกับถือของรุงรังเต็มมือไปหมด 
          "อ้าว พี่ดิวมาได้ยังไงคะ กำลังทานข้าวพอดีเลย" ฉันพูดพลางลุกขึ้นเรียกพี่ดิวแล้วเดินไปรับของจากพี่ดิว ฉันจัดการตักข้าวใส่จานให้พี่ดิว อย่างคล่องแคล่ว
         "สวัสดีครับพ่อ แม่"
         "อ้าว สวัสดีลูกมาทานข้าวด้วยกัน" พ่อพูดพลางถือซ้อนตักอาหารใส่จาน  ทุกคนนั่งทานข้าวด้วยกัน หลังจากทุกคนทานข้าวเสร็จ  พี่ดิวช่วนฉันออกไปเดินเล่นที่สวนหน้าบ้าน  วันนี้พี่ดิวมีท่าทีเเปลก ๆสีหน้าเคร่งเครียด เหมือนกังวลเรื่องอะไรอยู่แต่ันยังไม่กล้าที่ะเอ่ยปากตามออกไป ในตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดใจจนบอกไม่ถูก สิ่งที่ฉันได้เห็นอาการของพี่ดิวและความรู้สึกข้างในข้องฉันนั้น มันเเสดงให้เห็นว่าฉันเริ่มเปิดใจรักพี่ดิวมากขึี้น ๆ เรื่อย ๆ ความรัก มีคำเป็นล้านคำที่เป็นความหมายของคำนี้ จะว่าไปแล้วความรักก็เป็นคำที่มีความหมายหมากทีี่สุดคำหนึ่งก็ว่าได้ ความรักในความหมายของเเต่ละคนอาจเเตกต่างกันไปตามความรู้สึก ละประบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราเอง ไม่มีใครเลยสักคนที่จะไม่รู้จักกับคำว่ารัก จะมีแต่พวกที่บอกว่ารักไม่เป็น เเต่ลึกๆในความรู้สึกของคนเหล่านั้น ก็ต้องมีคำว่ารักอยู่เเน่ ๆ >_<
         "วันนี่พี่ดิวว่างไหมคะ ไปเดินตลาดใกล้ ๆ ดีไหม" ฉันพูดขึ้น ด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ  อยากรู้ว่าตอนนี้พี่ดิวคดอะไรอยู่กันเเน่ 
         "ก็ดีเหมือนกัน" พี่ดิวตอบฉัน ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ทำให้ฉันอึดอัดจนไม่รู้จะช่วนคุยอย่างไรดี
 พอแสงแดดอ่อนจางยามเย็นทอประกายลงมากระทบกับผืนหญ้าหน้าบ้านของฉัน ฉันนั่งคุยกับพี่ดิวตรงม้านั่งข้างต้นไหมใหญ่ที่เก่า บางที่ก็อดคิดไม้ได้ว่าที่เเห่งนี้ฉันเคยพาผู้ชายคนหนึ่งมาเดินเล่นอยู่เป็นประจำมันเหมือนเป็นสถานที่เเห่งความทรงจำของฉันเลยก็ว่าได้ ฉันและพี่ดิวปั่นจักรยานไปตามเส้นทาง สายลมบางเบาพัดต้นหญ้าที่อยู้ข้างทางโอนเอนไปมาตามกระเเสลมที่พัดโบกเอือย ๆ ก้อนเมฆสีขาวเหลือบชมพูบานเย็นไล่ระดับเฉดสีเข้ากับท้องฟ้าที่เริ่มกลายเป็นสีส้มจางเพราะใกล้เวลาที่ดวงตะวันจะลับเส้นขอบฟ้า มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีคววามสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว และคนที่ฉันรัก ทามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ฉันอยากจะยื่อเวลานี้ไว้นาน ๆ มันเป็นช่วงปิดเทอมที่เเสนมีความสุข มันไม่สามารถอธิบายความความรู้สึกเเละเหตูผลเช่นนี้ได้  การที่มีครอบครัวที่เข้าใจ มีคนรักค่อยให้กำลังใจ  ฉันพยายามที่จะไม่เก็บภาพสีหน้าของพี่ดิวมาคิดเพราะฉันยังไม่พร้อมที่จะต้องได้ยินคำที่ทำให้ันนั้นต้องเสียงใจ ฉันพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ แต่ลึกๆข้างในแล้วพี่ดวต้องมีเรื่องกลุ้มใจอยู่แน่แหละ  และสุดท้ายพี่ดิวก็กลับมาเป็นคนเดิมผู้ที่มีรอยยิ้มสุดเท่ และค่อยติดตามฉันเหมือนทุกครั้ง รสชาติเเห่งความสุขมันมีไม่มากแต่ฉันพยาามที่จะถนอมมันไว้ไม่ให้มันจางหายไป หลังจากปั่นจักยานเล่นเราทั้งสองเเยกย้านกันกลับบ้าน  หลายวันเเเล้วที่ฉันยังไม่ได้เจอกับเจ้าโดโต้ ฉันลืมโดโต้ไปสนิทเลย และในทุกๆคืนก่อนนอน ฉันได้เเต่คุยโทรศัพท์กับพี่ดิวแล้วหลับไปพร้อมโทรศัพท์ที่อยู่ข้าง ๆ หูของฉัน  มันเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีความรู้สึกดี ๆ ต่อผู้ชายคนนั้น ทุกอย่างรอบข้างแม้นกระทั้งตุ๊กตาตัวโปรดของเธอตอนนี้จึงไม่มีความหมายแและหายไปจากความรู้สึกของเธอ


แม่นางเหี่ยน
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น