วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

แรกรักรัตติกาล 6



ตอน  6 พี่ชายเพื่อน

 วันเสาร์.....     
         มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว...... 
"ฮัลโหล มีอะไรหรอผักกาดโทรมาเเต่เช้าเลย"
"นี่... เขามากันครบเเล้วย่ะ เมื่อไรจะถึงเนี้ย"
"อุ๊ย!! ว่ามีนัดทำงาน เดี๋ยวฉันอาบน้ำเเป๊ปหนึ่งเดี๋ยวฉันตามไป บายยย" 
ฉันรีบอาบน้ำออกไปทำงานกับเพื่อนที่โรงเรัยน อย่างรีบเร่ง พอมาถึงที่โรงเรียนฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกสายตาของใครจ้องมองมา...  และสายตานั้นเพ็งเล็งมาทีฉันแบบไม่ละสายตาไปทางอื่นเลย
ฮือ~    นี้เขาจะมองฉันทำไมเนี้ยหรือฉันแต่งตัวตลกหหรอ ฉันทำอะไรขายหน้าอีกไหมเนี้ย 
พรึบ ๆ รีบเดินดีกว่า 
ห้องงสมุดโรงเรียน
ยัยพวกนั้นอยู่เเถวไหนกันนะ  ฉันยืนอยู่กลางห้องสมุดที่เงียบสนิทมีเพียงชั้นหนังสือเรียงราย  ในช่วงวันหยุดจะไม่ค่อยมีใครมาใช้ห้องสมุดดเท่าไหร่หรอก มีเเต่พวกกรรมการนักเรียนห้องที่เขามาช่วยดูแลประจำอยู่ทีห้องสมุดนั้นแหละ
"ผักหวานทางนี้" เสียงเล็ก ๆ ของผู้หญิงดังมาจากด้านซ้ายมือของฉัน ฉันเดินไปอย่างเร่งรีบพร้องกับในมือถือของรุงรังเต็มไปหมด จากนั้นพวกเราก็ทำงานอย่างขมักเขม้นจนเสร็จภายใรเวลาสองชั่วโมงทุกดูเคร่งเคลียดและหมดแรงไปตาม ๆ กัน
"ฉันกลับก่อนะ เดี๋ยวพี่ชายจะรอนาน เเม่ให้มันมาเฝ้าฉันกลัวว่าฉันอย่ากับฉันเป็นนักโทษ" แครอทพูดขึ้นพร้อมกับเก็บของใส่กระเป๋า
"นั่นพี่ชายแกหรอ ที่นั่งรออยู่ศาลาข้างสระน้ำอ่ะ" ฉันถามแครอทด้วยความมสงสัย
"เออ...ก็มีพี่ชายตัวร้ายนั่งอยู่คนเดียวนั่นแหละ  ไปล่ะนะ มันรอนานแล้ว บายยยแล้วเจอกัน "
"บะ บะ บะ บาย  ละ ละ ละ แล้วเจอกัน" ๐_๐!!  นี้มันพี่ชายยัยครอทหรอเนี่ย 
            ครู่ต่อมา....ฉันเดินออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำอยู่ฟังซ้ายข้างๆน้องสมุด ฉันเห็นพี่ชายของยัยแครอทเดินผ่านหน้าฉันไป แวบหนึ่งพี่ชายยัยแครอทเอียงหน้าปรายตามาทางฉันเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ฉันก็ทำธุระในห้องน้ำเสร็จจึงรีบเดินออกมา
"ใช่เพื่อน แครอไหม" เสียงทุ่มจากลำคอที่ดูงเข้มขึมดังมาจากด้านหลังของฉัน
"ชะ....ใช่ค่ะ มีอะไีหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไม่เจอกับแครอทหรอคะ"
"เปล่าหรอ พี่แค่เดินมาเข้าห้องน้ำเฉยๆ  พี่ชื่อ ดิว นะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"ขะ.....ค่ะ ยินดีค่ะ เอ่อ... หนูผักหวานค่ะ  เอ่อ.... งั้นขอตัวไปก่อนะคะ"
พี่ดิวยีนอมยิ้ม แล้วมองฉันด้วยแววตาที่เป็นมิตร มองเผิน ๆ อาจดูเหมือนไม่มีอะไร เเต่ฉันกลับสัมผัสใด้ถึงบางอย่างที่เเผ่ซ่านออกจากแวววตาของเขาอย่างเข้มข้น  และยิ่งไปกว่านั้นฉันรู้สึกว่าหัวใจฉันกำลังเต้นอย่างเเรงเพราะสายตาของพี่ดิวจ้องมองมา
ตึก! ตึก! ตึก!
ให้ตายเถอะ! ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ฉันยังไม่เคยรู้สึกใจเต้นเวลาถูกผู้ชายคนไหนมองมาก่อนเลยนะ แต่ทำไมกับพี่ดิว  ฉันถึง....
"อ๊ากกกกกก!!! ทำไมฉันต้องมาตกอยู่สภาวะแบบนี้ด้วยเนี่ย" T-T 
มาถึงห้องสมุด ผักกาด และผักบุ้ง ก็ำลังจะเก็บของ ฉันรีบเก็บของช่วยผักกาดและผักบุ้ง 
 "นี้มัน กะเป๋าสตางค์ยัยแครอทนิทำไมมาวางอยู่ข้างกระเป๋าฉันล่ะ"
 " แก่เก็บไว้ให้มันหน่อยผักหวาน ยัยเนี้ยหลง ๆ ลืม ๆ ไม่รู้จะรีบไปไหน ฉันจะกลับกับผักบุ้งเเล้ววแวะไปส่งแก่ก่อน"
 "อือ.... ๆ " 
     ที่บ้านของผักหวาน...
ฉันเดินเข้าไปในห้องแล้วเลือบมองไปเห็นเจ้าโดโต้  ยังนั่งแนนิ่งอยู่บนเตียงของฉัน   มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว...... 
 ยังไม่ทันจะได้นั่งเลย ใคร โทรมาล่ะเนีี้ย ฉันหยิบโทรศัพท์มาดูในอาการเก้ ๆ กัง ๆ เบอร์ใครเนี้ย.....
  "สวัสดีค่ะ"
 "ผักหวานหรอหรอ จะเพราะไปไหนยะ ฮ่า ๆ " :)
 "อ้าว....แครอทเองหรอ ตามหากระเป๋าล่ะสิ"
 "ใช่ ฉันบอกพี่ดิวแวะไปเอาที่บ้านแกน่ะ พอดีพี่ดิวไปทำธุระแถวนั้นฉันเลยโทรมาบอกแก่ไว้"
 "ห๊ะ!!  " >_< ! 
หลังจากคุยโทรศัพท์กับแครอทได้ไม่นาน ก็มีเสียงผู้ชายดังมาจากหน้าบ้าน ฉันเดินออกมาหน้าบ้านดัวยความกังวล  นะนะ นั่นพี่ดิว >_< !
"พี่มาเอากระเป๋าให้แครอทครับ" เสียงทุ่มต่ำที่หลุดออกมาจากปากของพี่ดิวทำเอาฉันหนาววูบ และใจเต้นแรงขึ้นมาทันที่  ตาย!  ตาย! ฉันกลัวสายตาแบบนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกใจเต้นแบบวันนั้นอีกแล้ว ฉันจะทำยังไงดี YoY "อ๋อ... ระ..... รอ เเป๊ปหนึ่งนะคะ" ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าของแครอทแล้วนำมายืนให้พี่ดิว ด้วยความกลัวฉันไม่ได้แต่ก้มหน้าพร้อมกับยื้นกระเป๋วใบนั้นให้พี่ดิวไป มือของพี่ดิวสัมผัสมือของฉันอย่างเชื่อช้า ทำเอาฉันตกใจแล้วสะดุ้งจ้องมองตากับพี่ดิว O_o  แววตาของเขาจ้องลึกลงในดวงตาของฉัน อ๊ากกกก!!! สายตาคู้นี้อีกแล้ว 
"พี่กลับก่อนนะ"
"คะ...ค่ะ" >o<  ฉะนยังรู้สึกใจเต้นไม่หาย นี้ฉันเป็นอะไรกันแน่
"โดโต้ นายเคยมีความรู้สึกนี้บ้างไหม " ฉันพยายามเล่าความรู้สึกให้กับโดโต้ฟังจนหมด  แต่โดโต้ได้เอาแต่มองหน้าฉันและนิ้งเฉย แต่ดูเหมือนมันจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน ฉันเล่าอย่าจริงจัง แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น ฉันกดรับสายเป็นเสียงผู้ชาย ฉันตกใจมากนั้นมันเสียงพี่ดิว ในคืนนั้นฉันคุยโทรศัพท์กับพี่ดิวเกือบสองชัวโมง แล้วประโยคสุท้ายที่ฉันได้ยิน
"พี่ชอบหนูนะ คุยสนุกดี ฝันดีนะครับ"  มือของฉันถือโทรศัพท์อยู่แล้วทำอะไรไม่ถูก เอนตัวลงบนเตียงนุ่มๆ อย่างแน่นิ่ง นี้คือความรู้สึกของความรักหรอ สีหน้าของฉันอมยิ้มปนกังวลแล้วนอนกลับไป หลังจากคืนนั้นฉันคุยกับพี่ดิวแบบนี้เกือบทุกวันฉันตกลงคบกับพี่ดิว เพื่อนในกลุ่มของฉันจะชอบล้อเรื่องขงฉันกับพี่ดิวตลอด นี้ก็ใกล้จะปิดภาคเรียนแล้ว ฉันกับเพื่อนจึงไปค่อยได้ไปเที่ยงด้วยกันเหมือนเเต่ก่อน ส่วนมากก็ต้องเคลียงานส่งก่อนปิดภาคเรียน





          
แม่นางเหี่ยน

แรกรักรัตติกาล 5



ตอนที่ 5  มิตรสหาย

               นับตั้งเเต่วันนั้นเป็นต้นมา ยัยผักกาดก็ยังทำตัวเงียบ ๆ ไม่ยอมเปิดปาดพูดแะไรกับฉัแมัแต่คำเดียว ทุกครั้งที่เราเดินสวนกันหรือเจอกันก็มองหน้ากันเเละยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ฉันก็เเอบคิดในใจนะว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายเเรงขนาดต้องโกรธเราข้ามวันข้ามคืนขนาดนั้น เเต่ชั่งเขาเถอะ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เสียสุขถาพจิตเปล่า ๆ ทีเขายังไม่เห็นจะเเคร์เราเลยนิ ทุกคนก็ล้วนเเต่มีความรู้สึกกันทั้งนั้นเเหละ ช่วงนี้ฉันม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับกลุ่มเพื่อน เพราะฉันก็ไม่ใช่คนที่จะพูดกับใครก่อนเท่าไหร่นัก จะคุยเฉพาะคนที่คุยด้วยก็เท่านั้น ในทุก ๆ วันยัยผักบุ้งลงทุนมารับฉันไปเรียนเเต่เช้าจนกระทั้งฉันถึงห้องเรียนและบางวันก็เป็นผักบุ้งที่ลงทุนรอรับฉันกลับบ้าน มันก็ดีอยู่หรอกที่มีค่อยมาคอยรับ คอยส่ง เเต่บาางทีฉันก็รู้สึกอึดอัดมากกว่า
       โรงเรียน.......
         7:45 น. 
วันนี้ฉันมาสายไปหน่อยเพราะรถติดที่หน้าโรงเรียนฉันก็เดินไปที่ห้องเพื่อนำกระเป๋าไปไว้ที่ห้อง เหมือนทุกวัน 
 " เมื่อวานสนุกไหม" ผักบุ้งพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบผิดปกติ เพราะตั้งเเต่เจอกันกับผักบุ้งฉันยังไม่คุยกับมันเลย  ฉันพยักหน้าตอบคำถามนั้นของผักบุ้ง พร้อมกับว่างกระเป๋าเเละนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องเรียน
"เธอคิดว่่าเราเป็นคนยังไงหรอ" 
"ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ เราว่าผักหงานก็น่ารักดี นิสัยดี มีอะไรหรือเปล่า คุยกับเราได้นะ เเต่ตอนนี้ลงไปเข้าเเถวก่อนดีไหม"
ฉันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเเล้วเดินถามยัยผักบุ้งลงไปเข้าแถว ตอนนี้ฉันเคลียดไปหมด เเต่ก้เอาถอะ ก็ไม่รู้จะทำยังไงเเล้วนิ
     ห้องสังคม
ด้วยความที่อาจารย์มีมีประชุมด่วนเรื่องการเเข่งขันทักษทางวิชาการโดยโรงเรียนของเราเป็นเจ้าภาพในการจัดการเเข่งขัน อาจารย์จึงเเค่สั่งงานแล้วเเบ่งกลุ่มให้ทำกิจกรรม บังเอิญกลุ่มที่อาจารย์แบ่งให้มี
ปารมี  (แครอท)
กัลยาภรณ์  (ผักกาด)
ศิรินรัตนา    (ผักบุ้ง)
ปรียาพร   (ฉันเอง)
นั่นเป็นวันเเรกที่เราได้อยู่กันครบเเก๊งแล้วคุยเรื่องงานด้วยกัน ผักกาดเริ่มมีคำถามมาที่ฉันแล้วปรึกษาเรื่องที่เราจะนำเสนองาน   ในการทพงานกลุ่มทุกครั้งที่เราได้อยู่ด้วยกัน ก็จะมีเเค่ฉัน แครอท ผักกาด ส่วนยัยผักบุ้งน่ะหรอกจะสนใจการงานอะไร มีงานกลุ่มทีไรหายหัวทุกที เมื่อเราคุยกันเสร็จเเล้วก็นัดหมายวันทำงานด้วยกัน วันนี้ทั้งวันไม่มีการเรียนการสอนเลยเพราะอาจารย์ทุกฝ่ายต้องประชุมเตรียมงาน เเม้กระทั้งพวกเด็กกิจกรรม กรรมการนักเรียนก็วุ่นวายไปหมด เพราะต้องหาจัดสถานที่บ้าง หาของเตรียมงานกันอย่างอลวน  เป็นวันที่วนวายที่สุดเลย ไม่มีเรียนเเต่มีงานทุกวิชา เเต่นั้นเป็นวันเเรกที่ฉันกับแก๊งเพื่อนของฉันมันหันหน้ามาคุยกันได้ เราสามคนเดินเข้าร้านสหกรณ์ในร้านสหกรณ์โรงเรียนจะมีอุปกรณ์เครื่องเขียนต่าง ๆ
"ฉันพูดตรงๆนะ แกชอบยัยผักบุ้งจริงหรอ ที่ฉันถามเพราะเราเป็นเพื่อนกันนะ" แครอทถามฉันขึ้นมาระหว่างที่พวกเราเลือซื่อของในร้านหกรณ์โรงเรียน
"ฉันก็เฉย ๆ นะ ยังไม่กล้าตัดสินใจคบหรอก"
"แต่แกก็ไปกับมันทุกวัน  ดูสิขนาดงานกลุ่มยังไม่ชวยคิดจะทำไรเลย"
"แต่ฉันก็ไม่ได้บังคับให้มันไปรับไปส่งสะหน่อย มันก็มาของมันเอง ตอนเเรกฉันก็เเอะใจอยู่หรอก ฉันก็ยังไม่คิดจะคบกับยัยนั่นหรอกนะ"
"ผักบุ้งมันก็เคยบอกฉันนานเเล้วเเหละ ว่าจะจะจีบแก  ถ้าแกไม่ชบมันจริงๆก็บอกมันไปเถอะ " ผักกาดพูดขึ้นพรอมกับเลือกกระดาษสี
"ใช่ๆ ปล่อยไปนานๆ เดียวมัน
จะเสียความรู้สึกนะ" เเครอทหันมาพูดกับฉันอย่างจริงจัง เเล้วทำหน้าตาตกใจ จนฉันและผักกาดถามอออกไป
"เเกเป็นอะไรหรอ"
"ผะ ผะ ผะ ผักบุ้งแกมานานแล้วหรอ"
"ตั้งแต่พวกแกคุยกันนั่นเเหละ"
   ๐_๐!! ทุกคนยืนอึ่งกับกับตอบของผักบุ้ง
"ฉันขอโทษนะ ที่ไม่ได้บอกความรู้สึกกับเธอตรง ๆ ฉันแค่ไม่อยากเสียเพื่อนไป เราเป็นเพื่อนกันเหมือเดิมดีกว่า เราขอโทษจริงๆ"
"ไม่เป็รไรหรอกฉันรู้ว่าเธอไม่เคยมีความรู้สึกนั้นกับฉันอยู่เเล้ว แต่ฉันก็ห้ามความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอไม่ได้หรอกนะ"
"ขอบคุณที่เข้าใจเรานะ" :)
วันนั้นเป็นวันที่ทุกอย่างคลี่คลายแม้กระทั้งความรู้สึกของฉันที่ไม่สามารถอธิบายกับใครได้เลย ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันและผักบุ้งก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม :)







วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตติกาล 4

ตอนที่  4 เพื่อนรักเเอบรักเพื่อน

             หลังจากเลิกเรียนวันนั้น ฉันก็ไม่กล้าสู้หน้าใครอีกเลย ฉันรู้สึกอายไปหมดเลย ระหว่างเดินเข้าประตูหน้าโรงเรียน ฉันเป็นกังวลไม่กล้ามองหน้าใครเลย เเต่ก็เดินเข้าโรงเรียนทำตัวตามปกติเพราะคิดว่าพวกนั้นมันคงไม่มาโรงเรียนเช้าขนาดนี้หรอกมั่ง ระหว่างที่ฉันเดินผ่านสนามตระก้อเพื่อที่จะเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องเเละเตรียมตัวลงมาเข้าเเถวหน้าเสาธงเเปดโมงตรง  ฟิ้ว... จู่ๆ ตระก้อลูกนั้นลอดตัดหน้าฉันมาเเละพุ้งไปชนกับฟุตบาทก่อนที่มันจะกลิ้มมาหยุดอยูู่ที่ตรงหน้าฉัน ฉันกำลังกล้มเก็บตระก้อให้พวกผู้ชายกลุ่มนั้น ระหว่านั้นฉันเหลือบไปเห็นเเก๊งเพื่อนผู้ชายในห้องที่มันโยนประทัดมาโดนฉันเมื้อวานนี้ มันหันมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเลสนัย "ไอ้บ้า เอ้ย..." ฉันบนพรึมพรัม เเล้วเขวี้ยงตระก้อลูกนั้นไปเเต่ใครจะไปรู้ว่าตอนที่ฉันเขวี้ยงตระก้อออกไปใ้พวกนั้น ลมที่พัดเเรงไม่รู้มาจากไหนเเละจังหวะที่ฉันเวี่ยงเเรงออกไปนั้น ทำให้ประโปรงฉันเปิด เเว๊บ.... -_-  จนพวกนั้นมองมาที่ฉันไม่มีใครพูดอะไรสักคำ เป็นความเงียบที่ทำให้ฉันขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ยังกับกดปุ่มสต๊อป ฉันมองมาที่ตัวเอง 
                 อ๊ายยยยยยย !! ฉันกรี๊ดเสียงดังเเล้วรีบเอามีปิดที่กระโปรง  วิ่งอย่างสุดกำลัง "ฮือ.... ทำไม่ฉันทำตัวน่าอับอายเกินบรรยายขนาดนี้ พวกนั้นคงไม่เห็นซอดที่ฉันหมุนโดยใช้เเรงเวี่ยงจนประโปรงฉันเปิดหรอกนะ"  ฉันค่อย ๆ รวบรวมสติเเล้วนั่งถอนหายใจอยู่ครู่ใหญ่ ภายในห้องเรียนที่เงียบสงัด   "เฮ้ย!!  มานั่งทำไรคนเดียวเนี้ย ไม่ลงไปข้างล่างหาเพื่อน ๆ ล่ะ "  ผักบุ้งพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดัง จนฉันสะดุ้งตกใจ  เข้าพูดเเล้วพร้อมจ้องหน้าฉันเข้าใกล้จนสมูกจะติดกันอยู่เเล้วมันจ้องที่ตาของฉันไม่กระพริบ ได้ยินเเค่เสียงหัวใจที่เต้น ตึก! ตึก! ตึก!  ฉันใช้มือดันหัวของยัยทอมขี้ทะเล้นออก "เเก่ เล่นอะไรเนี้ยฉันยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่" ฉันพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
"งั้นวันนีเราเลี้ยงข้าวเที่ยง เเละไปส่งที่บ้านด้วยเคป่ะ" ผักบุ้งพูดเเละอมยิ้มพร้อมกับจ้องหน้านิ่งไม่ยอมละสายตาไปทางอื่น กับสายตาของที่ห่วงใยเหมือนกับคู่รัก 
กริ้ง.......
กริ้ง.......
กริ้ง.......
 สักพักเสียงกริ่งก็ดังขีึ้นมา  ผักบุ้งเดินมาข้างๆฉันเเล้วพูดเบา ๆ ที่ข้างหนูของฉัน "ฉันจะดูเเลเเกเอง" เมื่อพูดจบมันก็ห้อมเเก้ฉันที่หนึ่งเเล้วกระซากเเขนของฉันเเล้วเดินจับมือฉันออกจากห้องจนไปถึงเเถวที่หน้าเสาธง เมื่อทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จทุกห้องก็จะเเยกย้านกันไปที่ตึกเรียน
          ห้องวิทยาศาสตร์ เวลา 11:30น. เพื่อน ๆ ของฉันก็ชวนกันไปที่โรงอารหาร 
"ไปสั่งรอเลยนะ เดี๋ยวฉันตามไป"  
"ยัยบ๋อง ไหนบอกจะไปกินข้าวด้วยกันไง อุสาห์จะเลี้ยงนะเนี้ย..."  ผักบุ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ทะเล้น 
"เฮ้ย นี้อยู่กันตั้งเยอะเลี้ยงเเค่คนเดีียวเนี้ยนะ" เเครอทพูดยอกย้อนผักบุ้งพร้อมกับกวาดสายตาไปหาผักหวานด้วยความสงสัย  "อื่องั้นเกบของเป๊ปหน่อง" ฉันพูดพร้อมกับเก็บของใส่กระเป๋า เเล้วทุกคนก็เดินไปที่โรงอาหาร  โรงอาหารคนเเน่นมาก เเถมโต๊ะว่างก็เกือบจะไม่มีเหลือ จนฉันเเละเพื่อนๆเข้าคิวซื้อข้าวเส็จก็ได้เเต่ยืนหาโต๊ะนั่งกินข้าวเพราะยังหาโต๊ะว่าไม่ได่จนกระทั้ง  "อ๊ะ นั่นไง โต๊สุดท้ายที่อยู่ทางออกโรงอาหารว่างอยู่นี่^^"  ผักกาดผู้ที่มีสายตาเรดาร์ได้เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะนั้นพวกเรานั่งกินข้าวเพื่อนของฉันเมาส์กันสนุกมาก "วันนี้เป็นไรหรอทำไม่เงียบอ่ะ" ผักบุ้งพูดเเทรกขึ้นมา  "เราเป็นห่วงนะ ไม่สบายหรือเปล่า" พร้อมกับเอามือมาสัมผัสที่หน้าผากของฉัน  ฉันปัดมือผักบุ้งออก "ป่าวไม่มีไรหรอก" หลังจากนั้นพวกเราก็ขึ้นห้องเรียนปกติจนถึงช่วงเลิกเรียน ผักบุ้งอาสาไปรับไปส่งฉันได้ 2 อาทิตย์ได้ เเละในช่วงหลังเลิกเรียนผักบุ้งก็ชอบชวนฉันไปเดินตลาด ไปขับรถเล่น  ฉันรู้สึกอึดอักมากเลย เเต่ไม่กล้าที่จะถามคำถามนั้นออกไป จนมาวันหนึ่งผักกาดได้พูดถึงผักบุ้งให้ฉันฟัง "ฉันห้ามมันเเล้วนะ เราต้องไม่ทำแบบนี้ จริงป่ะ" ผักกาดพูดเเเล้วเดินจากฉันไป ฉันจึงรู้ว่าที่ผักบุ้งทำไปเพราะมันรู้สึกดีเราเรานี้เองเมื่อฉันรู้ความจริงที่ผักบุ้งทำนั้นยิ่งทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง เเละในทุก ๆ วันยัยผักบุ้งก็อาสาไปรับไปส่งฉันตลอดมานี้ก็จะเข้าเดือนที่สามเเล้ว เเต่ฉันกลับเริ่มรู้สึกดีต่อความรู้สึกที่มีต่อผีกบุ้ง  ทว่าฉันก็ยังกลัวความรู้สึกของตัวเองที่มีให้กับผักบุ้งเรามีเวลาอยู่ด้ยกันมากขึ้น จนความรู้สึกนั้นไม่ไม่ใช่เเค่เพื่อนนั้นมีให้เเก่กัน วันหยุดมันก็จะชวนฉันไปเที่ยวด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน เราอยู่ด้วยกันไม่ห่างเลยก็ว่าได้แล้วอยู่มาวันหนึ่งฉันก็รู้ความจริงจากปากของผักบุ้ง มันสารภาพรักกับฉันเข้าเเล้ว ฉันยังไม่ตกลงคบกับผักบุ้งเเต่ฉันก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกัน โดยที่ผักกาดเเละเเครอทไม่รู้เรื่องของเรา ในทุกวันมี่เราอยู่ด้วยกันเป็นแก๊งครบทีม ผักก็เเสดงออกอย่างไม่ปิดบังเขาชอบจับมือฉันตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันบางที่มันก็ดูเยอะไปจนเพื่อน ๆ นั้นสงสัย เรานั่งอยู่ที่ศาลาไม้ที่อยู่ตรงข้ามกับตึกเรียนเหยื่อง ๆกับสระน้ำบริเณหน้าอาคารเรียน แครอทพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเเละอึดอัดใจมาหลายวัน 
"นี่เเกสองคนเป็นอะไร มึงดูสนใจกันเป็นพิเศษ"
"อืม...อย่างที่ฉันเคยบอกเเหล่ะ"  ผักกาดพูดด้วยเสียงเเผ่วเบาเเละดุงเเครอทให้มีสติมากกว่านี้
ฉันได้เเต่นั่งเงียบ ฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผักกาดและแครอท ส่วนผักบุ้งนั้นก็นั่งสบายใจเฉยไม่สนใจใครเลย ทุกอย่างอยู่ในความเงียบที่ ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย มันอึดอัดไม่รู้จะทำอะไรยังไงต่อไป และนี่คงเป็นเหตุผลที่ผักกาดเเละเเครอทไม่ยอมคุยกับฉันเลย  ทุคนในกลุ่มเปลียนไป ไม่คุยสนุกเฮอาเหมือนแต่ก่อน "วันนี้เรียนหนักเนาะ  เเวะไปกินนมปั่นกันดีไหม -_-"  ฉันพยายามช่วนคุย  "อือ... " นั่นคือคำตอบที่เจ็บปวดสำหรับฉันที่สุด เเล้วไม่มีใครถามอะไรต่อ :(   มันเป็นอะไรที่อึดอัดจนอธิบายไม่ถูกจริงๆทุกอย่างที่เคยสดใสมันหายไปหมดเหลือไว้เเค่ความเลือนลาง เหมือนฉันอยู่ท่ามกลางทะเลที่ถูกลมพัดลอยเคว้งคว้างไม่มีทีท่าว่าจะถึงฝัง :(
                  พอถึงเวลาเลิกเรียนพวกเราก็พากันขับรถไปนั่งที่ร้านนมปั่น  เป็นร้านประจำของพวกเราเองนักเรียนที่นี่ชอบมานั่งเล่นบ่อยๆ เพราะมันใกล้กับโรงเรียนแถมอาหารเครื่องดื่มที่ร้านก็อร่อยสุด ๆ ห่างจากโรงเรียนประมาณ 500  เมตร พอเข้าไปในร้านทุกคนก็อยู่ในสถานการที่เงียบสงัด ผักกาดเอาเเต่เล่นโทรศัพท์แล้วยืนโทรศัพท์ใหเเครอทดูด้วยความสนิทสนิม หัวเราะคิกคัก  ทำอย่างกับฉันเป็นเหมือนอากาศ "ฉันกลับก่อนนนะพอดีต้องไปรับน้องที่โรงเรียนเเทนเเม่อ่ะ"  ผักบุ้งขึ้นมากลางความเงียบสงัดแล้วมองมาที่ฉันเขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของฉันนะตอนนี้ฉันยิ้มให้กับผักบุ้ง พร้อมกับพยักหน้า   เหลือเพียงฉัน ผักกาด และเเครอทที่ยังนั่งอยู่ในร้าน  ณ ตอนนั้นฉันก็พอรู้เเล้วเเหล่ะ ว่าทั้งสองไม่พอใจฉันเป็นแน่ เพราะลักษณะนี้ฉันเจอบ่อยมากกับการเเสดงออกของผักกาด เพราะทุกครั้งทีี่นงไม่พอ หรือไม่ได้ดั่งใจ นางก็จะมีอารณ์ เเละนิสัยในลักษณะนี้อยู่บ่อย ๆ ฉันพยายามทำควมเข้าใจเเละคุยกับเธอปกติ เเต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย "กลับกันเถอะ นี้ก็จะค่ำเเล้ว"  แครอทพูดขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน พอฉันมาถึงที่บ้าน ฉันก็นั่งถอนหายใจอยู่ครู่ใหญ่ หั่นไปเจอกับโดโต้  "นายเคยโดนมองข้ามไหม นายเคยโกรธใครไหม  ฉันน่ะหรอ.... ก็เคยโกรธคนอื่นนะ  เเต่เวลาที่ฉันโกรธหรือไม่พอใจคนอื่นน่ะ ฉันไม่กล้าที่จะเเสดงสีหน้าท่าทางเท่าไหร่หรอกนะ เป็นเพราะว่าเรากลัวเขาเสียใจ เราแคร์ความรู้สึกเขา เเต่ทำไมเขากล้าทำกับเราได้ขาดนี้ นี้ไม่ใช่คั้งเเรกนะ ถ้าเกิดฉันทำเเบบที่เขาทำบ้างเราคงจะไม่ชอบฉันแถมตัดขาดความเป็นเพื่อนไปเลยเเหล่ะ นานคิดเหมือนฉันไหมอ่ะ ฉันผิดมากเลยหรอ บอกกันดีๆ ก็ได้นิ นายว่าไหม ฉันอึดอัดมากเลยกับสถานการณ์ที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับมัน เฮ้อ..... ฉันหวังว่าอาการผีเข้าผีออกของยัยผักกาดคงดีขึ้นบ้างเเล้วเนาะนายคิดเหมือนฉันไหม ฉันคงไม่คิดจะตอบโต้ความรู้ของใครหรอกนะ เเค่นี้ก็อึดอัดใจจะเเย่ยุเเล้ว" เมื่อพูดจบ ฉันทิ้งตัวลงนอนไปพร้อมกับเจ้าโดโต้ ด้วยความกังวล เเละความอึดอัด เเล้วหลับไปพร้อมกัน Zzzz


แม่นางเหี่ยน
  

วันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตตติการ 3

ตอนที่ 3 นักเรียนนักเลง

               โรงเรียนมัธยมปลายเก่าเเก่ที่สุดก่อตั้งมานานกว่าห้าสิบปี ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุด เนื่องจากสถิติที่ผ่าน ๆ มา นักเรียนที่เรียนจบจากโรงเรียนนี้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศเป็นจำนานมากทีี่สุด เเต่...นั่นไม่ได้หมายความว่านักเรียนทุกคนของที่นี่จะเป็นนักเรียนที่ดีเสียทุกคนหรอกนะ =_=  เพราะนอกจากจะมีการสอบคัดเลือกนักเรียนที่มีผลการเรียนยอดเยี่นมเข้ามาเรียนเเล้ว ก็ยังมีพวกเด็กฝากเด็กเส้นทั้งหลายเเหล่ที่อาศัยว่าเกิดจากครอบครัวรวย เพื่อประดับบามรมี เเต่ดันไม่มีสมองเเละไม่ตั้งใจเรียนค่อยเเต่เเกล้งคนอื่นเเละยังเป็นภาระหนักอึ้งในโรงเรียนด้วย ซึ่งเเน่นอนว่าฉันไม่ใช่หนึ่งในจำนวนนั้นเเเน่ ๆ ฟังดูเหมือนฉันจะเป็นพวกบ้าเรียนไม่ค่อยสนใจใคร เเต่จริง ๆ เเล้วมันไม่ใช่เเบบนั้นหรอก -_-  ในชั่วโมงเรีนนฉันชอบเเอบกินขนม เเละไม่ได้ตั้งใจเรียนขนาดนั้นด้วยเเต่คะเเนนสอบของฉันก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตราฐานอยู่ โชคดีมากจริง ๆ ที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มของฉันอีกสามคน (ผักกาด ผักบุ้ง และ เเครอท)ที่เรียนมาด้วยกันสมัยมัธยมต้น ก็สอบเข้าที่นี่ได้เเถมยังเเรียนห้องเดียวกันกับฉันอีกด้วย   ผักกาดเป็นนพวกไม่ชอบพูดอะไรมากมาย เเต่เวลาพูดทีมักจะมีอะไรเด็ด ๆ เสมอ ถ้าเป็นผู้ชายก็เข้าข่ายพูดน้อยเเต่ต่อยหนัก ส่วนผักบุ้งเป็นสาวทอมที่คมเข้ม ชอบพูดจาหยอกล้อ คุยกับใครก็สนุกไปทุกเรีื่อง เเละงานถนัดขงนางก็คือเเกล้งเพื่อน เเละสาวร่างบางสูงน่ารักที่ชื่อเเครอท เป็นพวกเอาเเต่ใจเเสดงสีหน้าได้ชัดเจน เพื่อนก็จะคอยเอาใจเธอทุกครั้งไป ระหว่างที่พวกเรานั่งคุยกันในห้องเรียนกช่วงก่อนเลิกเรียน
วี๊ด ปัง!!
วี๊ด ปัง!!
เสียงประทัดดังคลึกโครมดังมาจากถนนทางโรงอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับหอประชุม ถัดจากตึกเรียนที่ฉันกับเพื่อนนั่งคุยกันอยู่ ฉันเเลัเพื่อน ๆ วิ่งลงจากตึกเรียนด้วยความตกใจ พอไปถึงโรงรถ ก็หันไปมองเสียงนั้นด้วยความสงสัย "ต้องเป็นไอ้พวกผู้ชายกลุ่มนั้นเเน่ๆเลย" ฉันพูดขึ้นมาลอยๆพลางขยับตัวขึ้นมอง "กลับกันเถอะ นี้จะสี่โมงเย็นเเล้ว" พักบุ้งพูดขึ้นพร้อมกับอมยิ้ม เพราะมันหยิบกุญเเจรถของันไปซ้อนไว้ก่อหญ้าหน้าทางเข้าโรงรถ  เเละทันได้เห็นอยู่เเวบหนึ่งว่ามีพวกกลุ่มเพื่อนผู้ชายกำลับจุดประทัดเเล้วเขวี้ยงมาทางที่พวกเรายืนอยู่ ประทัดลูกนั้นกลิ้ลงมาอยู่ข้างฉันพอดี ตุ้ม!!  ควันโขมงเต็มตัวไปหมดเลย ทุกคนนั้งหัววเราะ อย่างสนุกสนาน จะขัยรถกลับเเต่ดันหากุญเเจรถไม่เจอ กล่าวจะได้กลับถึงบ้านก็เกือบจะห้าโมงเย็น วันอะไรวะเนี้ย ซวยที่สุดเลย   ฉันเดินไปหาเจ้าโดโต้ "ทำไมวันนี้มันเป็นวันโหดร้ายกับฉันเหลือเกินเเล้วพรุ่งนี้ไอ้พวกผู้ชายกลุ่มนั้นมันคงเมาส์เรื่องฉันเเละล้อฉันเเน่ ๆ ฉันจะทำยังไง เฮ้อ....  " ฉันนั่งถอนหายใจเป็นสิบ ๆ ครั้ง  เเละนอนราบไปกับเตียงที่ฟูนุ่มเเบบคนไม่มีสติ



แม่นางเหี่ยน

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตติกาล 2

                   ตอนที่ 2 เพื่อนสนิท

                       
                    เเสงสว่างของพระอาทิตย์ในยามเช้าตรู่สาดส่องกระทบกับกระจกเงาข้างเตียงของฉัน ฉันลุกออกจากที่นอนด้วยอาการที่ยังงัวเงีย เดินไปเปิดม้านที่หน้าต่างออก เเสงของพระอาทิตย์เป็นสีทองอร่าม เเละหมู่เเมลงกำลังบินวนตอมดอกไม้หน้าระเบียงห้องที่กำลังบานอวดเเสงเเห่งวัน สายลมเย็นสบายพัดพาเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเกสรดอกไม้ทีบานสะพรั่ง เสียงนกน้อยร้องขับขานเหมือนดังเสียงนาฬิกาปลุก ฉันมองเห็นเจ้าต๊กตาหมี ยังนอนอยู่ในท่าเดิม "มาดูนี่สิ" ฉันเรียกตุ๊กตาหมีพร้อมกับเดิมไปจับเเขนของตุ๊กตามายืนที่ระเบียงห้องของฉัน "นายว่าวันนี้อากาศดีไหม ฉันชอบอากาศเเบบนี้จังเลย ฉันชอบผีเสื้อกลุ่มนั้น เเละนกพวกนั้นด้วย ฉัันอยากตื่นเช้ามาเเล้วจอพวกมันทุกเช้าเลยเเหละ เเล้วนายละชอบอากาศเเบบไหนหรอ" ฉันยืนจ้องตาตุ๊กตาหมีอยู่หน้าระเบียงครู่ใหญ่  "นายชอบชื่อนี้ไหม โดโต้ ฉันว่ามันเหมาะกับนายมากเลยนะ เพราะชื่อนี้เป็นชื่อของสุนัขที่ฉันรักมากที่สุดเเต่ตอนนี้มันได้ได้อยู่กับฉันเเล้ว" ฉันพูดด้วยสีหน้าที่ดูหมองเศร้า เเล้วหันมายิ้มให้ตุ๊กตาหมี "เมื่อคืนนายสนุกไหม ตอนนี้ฉันอยากอาบน้ำมากเลย เเละหิวมากด้วย รอฉันอยู่นี่นะ" ฉันวางเจ้าโดโต้ลงเเล้วเดินลงมาอาบน้ำกินเเละข้าวเหมือนทุกเช้า เเต่จะเป็นเช้าที่เศร้าหน่อยเพราะฉันอยู่กับเจ้าตุ๊กตาหมีเพียงลำพัง พ่อเเละเเม่ของฉันออกไปทำงานต่างจังหวัดเเต่เช้าไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่หรอกบางทีไปเป็นเดือนเลยก็มี เเต่ฉันก็มีเพื่อนใหม่ที่อยู่ด้วยเเล้วสบายใจ ก็เจ้าโดโต้ตุ๊กตาหมีที่ฉันได้ในงานวันเกินเมื่อคืนนี้ ดูไปดูมามันก็น่ารักเหมือนกัน ฉันว่ามันคงเหงาเเล้วเเหละ ฉันไปเล่นกับเจ้าโดโต้ข้างบนดีกว่า พอฉันเปิดประตูห้องเข้าไปทุกอย่างก็ปกติ เเต่ฉันรู้สึกเหมือนเจ้าโดโต้มันคงเหนื่อยกับงานเมือคืนเเน่เลยตั้งเเต่ฉันได้เจ้าโดโต้มาอยู่ด้วยฉันก็รู้สึกอบอุ่นมันเหมือนมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เวลาฉันจ้องมองมัน มันก็เหมือนหันมามองฉันทุกทีไป ฉันเอาเจ้าโดโต้ไปไว้ชั้นตุ๊กตาหมีที่เป็นของสะสมของฉัน เล้วฉันก็นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างเมามัน ฉันอ่านไปได้สักพักก็เผลอหลับไป หลังจากนั้นฉันเเละเจ้าโดโต้ได้เดินเข้าไปยังป่าเเห่งเกิด เเล้วเกิดพัดหลงทางกัน ฉันเดินเข้าไปในป่าลึกด้วยความเป็นห่วงเจ้าโดโต้ ไม่รู้หายไปไหน ตามหายังไงก็ไม่เจอ พอฉันสะดุ้งเเล้วลืมตาตื่น ฉันเห็นเจ้าโดโต้มาอยู่ข้าง ๆ ฉันกอดมันเเน่น เเล้วบอกกับมันด้วยเสียงสะอื้น "นายอย่าหายไปไหนอีกนะ นายคือเพื่อนของฉัน" ฉันพูดพลางเอามืดปาดน้ำตาที่เเก้ม เเล้วเล่าเรื่องที่ฉันพบเจอในฝันให้เจ้าโดโต้ฟังเเล้วฉันกับเจ้าโดโต้จึงตกลงเป็นเพื่อนที่ดีของกันเเละกัน ตั้งเเต่วันนั้นฉันก็เริ่มรักเเละสนิทกับเจ้าโดโต้มากขึ้นฉันคุยกับเจ้าโดโต้บ่อยขึ้นทุกวัน เเละฉันคิดว่ามันเป็นเพื่อนที่ฉันสามรถเล่าทุกอย่างที่อึดอัดภายในใจของฉันให้มันฟังโดยที่ไม่ระเเคะระคายอะไรเลย เเถมยังรู้สึกบายใจด้วยซ้ำที่ได้พูดมันออกมา  ฉันนั่งมองตาเจ้าโดโต้เเละเจ้าโดโต้ก็นั่งมองตาของฉันด้วยความไว้ใจซึ่งกันเเละกัน






แม่นางเหี่ยน

วันเสาร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560

นิยายเรื่องเเรกรักรัตติกาล



เรื่อง เเรกรักรัตติกาล


                ตอนที่ 1 งานวันเกิดผักหวาน 

               ในห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยของสะสมต่าง ๆ ของที่วางไว้ในชั้นข้างเตียงเต็มไปด้วยของสะสม ต่างๆมากมาย ขวดโหลที่เต็มไปด้วยดาวกระดาษที่มีสีสันสวยงาม ชั้นถัดมาเป็นตุ๊กหมีวางอยู่ประมาณ 15 ตัว มั่งที่ขาวเเละสีน้ำตาล ชั้นล้างสุดเต็มไปด้วยของสะสมเล็ก ๆ น้อย ๆ วางเรียงรายเต็มชั้นจนไม่มีที่ว่างเหลืออยู่ เสียงจากข้างนอกเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับมีเสียงเพลงคลอเบา ๆ เธอนั่งมองกระจกเงาเเล้วยิ้มให้กระจกอย่างมีความสุข มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขั้นมา "ผักหวาน ผักหวาน เเต่งตัวเสร็จหรือยังคะ เพื่อนมาเยอะเเล้วนะลูก " เสียงเเม่ของฉันร้องเรียกฉันอย่างตั้งใจ ฉันเดินออกจากห้องเเล้วมองไปรอบ ๆ ทุกอย่าง เป็นภาพความทรงจำที่พ่อเเเละเเม่ของฉันจัดเตรียมไว้รอเเต็มไปด้วยภาพที่มีความสุข ภาพครอบครัวที่อบอุ่น   รวมทั้งเพื่อนของฉันนั้งคุยกันพร้อมกับเครื่องดื่มเเละอาหารเต็มโต๊ะจนไม่รู้จะหยิบอะไรก่อนดี ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุขเละดูสดใสอย่างบอกไม่ถูก "นี่ ผักหวานมาถ่ายรูปกับพวกฉันหน่อยสิ" เสียงเพื่อนของฉันร้องเรียกมาจากข้างหลังพร้อมกับดึงเเขนฉันออกไปข้างนอกฉันมัวเเต่ถ่ายรูปจนกับเพื่อนๆอย่างเมามันเเละคุยกันตามประสาเเก๊งเพื่อน คุยไปได้สักพักหนึ่งฉันก็รู้เเล้วเเหละว่าพ่อกับเเม่ต้องออกมาเซอร์ไพรส์พร้อทเค้กก้อนโตเเน่ ๆ เเล้วไม่นานไฟทุกดวงดับลง ทุกอย่างมืดไปหมดจนมอองไม่เห็นอะไรเลย เเล้วเสียงเพลงก็ดังขี้นข้างๆหูของสั้นทั้สองข้าง พร้อมกับเเสงไปจากเทียงลิบลี่เริ่มสว่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทุกคนร้องเพลงวันเกิดดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาฉันน้ำตาคอลไปหมด รอบข้างของฉันเต็มไปด้วยเพื่อน ๆ เละครอบครัวของฉันเปฌนภาพน่าจดจำเเละฉันจะไม่ลืมภาพนี้เลย ฉันยืนอธิฐานอยู่นานพร้อมกับเป่าเทียนดับไปจนไฟสว่างขึ้นทุกดวง เสียบเป่าปากปนกับเสียงปรบมือจนฉันไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี เกรงไปหมดเลย
                ฉันนั่งดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลา 02:35น. ทุกคนเริ่มมีอาการมึน ๆ เเละง่วงนอน ฉันเดินไปดูกล่องของขวัญจากเพื่อนของฉัน เยอะเเยะเต็มไปหมดจนไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนเพราะทุกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันจะรู้ดีว่าฉันชอบสะสมสิ่งของที่เป็นขวดโหลเเเละตุ๊กตาน่ารัก ๆ ที่สามารถพกพาได้สะดวกเเละที่เชอร์ไพรส์ที่สุดนั่นคือของขวัญของคุณพ่อเเละคุณเเม่ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นจากที่ไหนมันคงเป็นสิ่งเดียวในโลกเเน่ๆ  ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล มีจมูกเหมือนหมู มีหนูเหมือนกระต่าย  ตัวประมาณ 50 เซนติเมตร  ฉันนั่งจ้องมันอยู่ครู่ใหญ่ ด้วยความสงสัย
               เมื่องานเลี้ยงจบลงทุกคนต่างเดินทางกลับบบ้าน  ฉันได้เเต่นั่งมองตุ๊กตาตัวประหลาดอย่งไม่คลาดสายตาไปไหนเลย  ฉันมีคำถามเยิะเเยะเต็มไปหมดที่จะถามคำถามกับเจ้าตุ๊กตาหมี เเต่ก็ได้เเค่นั่งเมอมอง เเล้วส่งยิ้มให้กับมัน เเบบมีเลสนัย "เเต่ก็เอาเถอะ ยังไงฉันก็ให้เเกอยู่ด้วยอยู่เเล้วเเหละ เเก่คงนอนที่ห้องเล็ก ๆ ของฉันได้นะ" ฉันพูดด้วยสีหน้าเชยชา เหมือนไม่ต็มใจ เเล้วเธอก็เผลอหลับไปพร้อมกับตุ๊กตาหมีที่นอนอยู่ข้างเตียงของเธอ




วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

ภารกิจที่ึ 7 วิเคาะห์เพลงนิราศ


วิเคราห์เพลงนิราศ



นื้อเพลง : เข็ดรักจากเจ้าพระยา
ศิลปิน : หนู มิเตอร์ อาร์ สยาม
อัลบั้ม : เข็ดรักจากเจ้าพระยา
คำร้อง / ทำนอง / เรียบเรียง : หนู มิเตอร์

ลอยเรือกลับมา หนุ่มเจ้าพระยาพกพาความช้ำ
 สาวปากน้ำโพใจดำ หลอกอำให้พี่ผิดหวัง
เก็บใจจะไม่รักใครอีกครั้ง แต่บุพเพก็ยัง ส่งใครมามากมี
ลอยเรือผ่านมา เจอะสาวงามตาจังหวัดอุทัย 
สาวชัยนาทก็ไฉไล งามน้ำใจสาวสิงห์บุรี
สาวอ่างทองหากใครได้ครองคงโชคดี 
สาวอยุธยา ปทุมธานี น้องเป็นสตรีที่งามเลอค่า

* อยากจะรักใคร ตรวจดูหัวใจยังไม่แข็งแรง 
ถูกความรักแทงเข็ดจนเรี่ยวแรงไม่มีเหลือมา
ได้เจอะหน้าใคร แค่มองผ่านไปไม่กล้าสบตา
 เพราะรู้สึกใจชา ไม่กล้าจะมีรักใหม่
ลอยเรือฝ่าฝน ที่ตกเสียจนร่างกายเปียกปอน
 ต้องลาแล้วแม่ขนตางอน ลาไปก่อนแม่สาวทั้งหลาย
ถ้าพี่กลับมา และพร้อมหัวใจจะรักใคร
 หากผิดหวังกลับไป จะออกอ่าวไทยแล้วไม่กลับมา



จุดประสงค์ของการเเต่ง 

                 ผู้เเต่งเอาเรื่องราวจากการเดินทางของชายหหนุ่มที่เสียใจจากคนรักเเล้วล่องเรือกลับ โดยผ่านจังหวัดต่าง ๆ เเละพบเจอหญิงสาวสวย ๆ ตามจังหวัดต่าง ๆ ที่ล่องเรือผ่าน เเต่ก็ยังไม่กล้าที่จะรับรัก เปิดใจกับหญิงใด เพราะกลัวซ้ำรักเหมือนครั้งก่อน 

สถานที่ในเพลง

1. จังหวัดอุทัยธานี
2. จังหวัดชัยนาท 
3. จังหวัดสิงห์บุรี 
4. จังหวัดอ่างทอง
5. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
6. จังหวัดปทุมธานี

วิเคราะห์เนื่อหาของเพลง

              จากเนื้อหาของเพลงเข็ดรักเจ้าจากพระยา เป็นการนำเสนอเรื่องราวความรักที่เเสนเศร้าของชายหนุ่ม ที่ตัดใจเดินทางออกมาแล้วล่องเรื่อเพื่อกลับบ้าน มีหญิงสาวที่ผ่านเข้ามาให้พบเจอเเต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเปิดใจรับรักได้ 
             เนื้อหาในเพลงเป็นการดำเนินเรื่องราวเหตุการณ์ไปอย่างเรียบง่าย เเละการใช้ภาษาที่เรียบง่าย ไม่ต้งอาศัยโวหารในารตีความหมายในเพลงมากนัก  ในช่วงเเรกจะกล่าวถึงชายหนุ่มทีอกหักเเล้วล่องเรื่อไปตามเเม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านยังจังหวัด สถานที่ต่างๆ ดังเช่นในตัวอย่างเพลงเขียนว่า 
                                       "ลอยเรือผ่านมา เจอะสาวงามตาจังหวัดอุทัย 
สาวชัยนาทก็ไฉไล งามน้ำใจสาวสิงห์บุรี
สาวอ่างทองหากใครได้ครองคงโชคดี 
สาวอยุธยา ปทุมธานี น้องเป็นสตรีที่งามเลอค่า"
เเต่ก็ได้เเค่มองผ่านหญิงงามตามที่ต่าง ๆ เพราะยังไม่กล้าจะมีรักใหม่นั่นเอง