วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เเรกรักรัติกาล 12


 ตอนที่ 12 ความผูกพัน
                ความรักเเละเวลานำมาซึ่งความผูกพัน โดยที่เราไม่ทันรู้สึกตัวมาก่อน คนบางคนมีความรักและมีมีความสุขที่ได้ผูกพันกับสิ่งที่ตนรัก ของเพียงให้ความรัก ความผูกพันเป็นดังสายใยที่อ่อนโยนให้เเก่กันและกัน 
                 เย็นวันอาทิตย์.....
 ฉันกำลังลังนอนทับขนปุกปุยสีน้ำตาลอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ลานหน้าบ้านของฉัน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลของเจ้าโดโต้มองมาที่ฉันอย่างอบอุ่น แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาใกล้ค่ำ แต่ทว่าท้องฟ้ากลับไม่ได้มีสีหม่นหม่องใดๆ เลย เพราะที่เเห่งนี้เคยเป็นที่ที่ฉันเคยเก็บความทรงจำนั้นกับผู้ชายคนหนึ่งไว้ แต่ตอนนี้มีตุ๊กตาที่สามารถทำให้ฉันลืมเรื่องราวที่เลวร้าย ทำลายความรู้สึกนั้นจางหายไปได้ ฉันยังคงนั่งมองท้องฝ้าอยู่กับตุ๊กตาตัวโปรดของฉันอยู่อย่างนั้น เรามองไปบนท้องฟ้าแสงจากดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าไป และดวงจันทร์ดวงสีเทาทะมึนก็ลอยรอรับช่วงต่อ  คืนนี้ฉันควงเจ้าหมีตัวอ้วนออกมานั่งเล่นอย่างสบายใจ ฉันย่ำเท้าลงบนพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม หลับตาลงและค่อยๆสูดอากาศบริสุทธิ์อันอ่อนนวลเข้าไปช้าๆ ฉันรับรู้ได้ว่าโดโต้กำลังมีความสุข 
           "นายชอบที่นี่ไหม นายเบื่อที่นี่หรือยัง" ฉันพูดพลางมองท้องฟ้าที่มีดาวระยับเต็มไปทั้งพื้น
           "ฉันไม่เคยเบื่อที่ไหน เพราะทุกสถานที่สำหรับฉันมันคือความทรงจำ " โดโต้พูดเสียงเเผ่วเบาออกจากลำคอ ฉันหันไปมองโดโต้ด้วยใบหน้าที่สงสัย และอยากรู้
           "นายเคยออกมาเล่นขางนอก เวลาฉันไม่อยู่ด้วยหรอ" 
           "ฉันชอบอยู่ในห้องและรับฟังความรู้สึกเธอมากกว่า เพราะช่วงนี้ฉันไม่ได้ยินเรื่องราวความรู้สึกของเธอมานานมากแล้ว การอยู่ที่ไหนมันไม่สำคัญเท่ากับว่าเราอยู่กับใครหรอกนะ" ^^ ฉันอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเหมือนเจ้าโดโต้กำลังพูดประชดฉันอยู่  อันที่จริงเจ้าตุ๊กตาขอฉันก็เป็นเเบบนี้มานานเเล้ว และฉันก็เป็นคนที่ชอบพูดในสิ่งที่รู้สึกออกมาตรงๆ ไม่ต้องอธิบาอะไรให้ยืดยาว เพราะฉันไม่ใช่คนช่างพูดก็เลยมักจะบอกอะไรเเค่สั้นๆ เช่นเดียวกับเจ้าโดโต้ที่ชอบพูดอะไรสั้นๆหั้น แต่ทำให้ฉันคิดได้อยู่เสมอ  จากที่ผ่าน ๆ มาหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ฉันรู้ว่า เขาถนัดที่จะเขาถนัดที่จะเเสดงออกให้ฉันรับรู้ผ่านทางเเววตาและความรู้สึกแทนการพูดอะไรหวาน ๆ เลี่ยน ๆ เหมือนกับผู้ชายทั่วๆไป  เรายังนั่งมองท้องฟ้าด้วยกันใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมกับสายลมพัดมาแผ่วเบาลูบไล้ใบหญ้าอ่อนที่กำลังเอนต้นลง ราวกับกำลังหลับใหล และเสียงพัดของมันก็เป็นเสมือนลมหายใจอันสม่ำเสมอซึ่งทำให้ที่แห่งนี้ดูราวกับมีชีวิต  แสงเเห่งดวงจันทร์เริ่มทำหน้าที่ทอแสงอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วยดวงดาวบริวารที่อยู่รายรอบราวกับสหายที่มาอยู่เคียงข้าง  ไม่น่าเชื่อว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างของฉันดูเหมือนจะอ้างว้าง แต่ลึก ๆในใจของฉันเเล้ว ฉันยังมีความคิดเช่นเดียวกับโดโต้  ที่เคยบอกกับฉัน การอยู่ที่ไหนมันไม่สำคัญเท่ากับว่าเราอยู่กับใคร ฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับเจ้าโดโต้ 
          "นายคือทุกอย่าสำหรับฉัน ฉันสัญญาว่าจะเก็บความรู้สึก ความทรงจำทุกครั้งที่อยู่กับนายไว้เป็นอย่างดี ฉันรักนายนะโดโต้" ^^
            "ฉันก็รักเธอเหมือนกัน ผักหวานเจ้านายชีวิต"   
หลังจากนั่นฉันเเละโดโต้ก็กลับมาเป็นทุกอย่างของกันเละกันเหมือนเดิม เจ้าโดโต้ผู้ที่ค่อยให้คำปรึษา ค่อยให้กำลังใจ ฉันมาตลอด ความสัมพันธ์ของเราเริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ สำหรับฉันเเล้ว โดโต้เป็นได้ทั้งเพื่อนที่ค่อยดูเเลช่วยเหลือฉัน เป็นได้เเฟน ที่ค่อยเอาใจใสให้กำลังใจกับฉันมาตลอด 
                               ทุกวันนี้โดโต้ ก็ยังดูเเลความรู้สึกของฉัน 
               ความรัก และความลับของฉันก็ยังเป็นความลับที่ยังไม่ที่ไม่มีวันถูกเปิดเผย
           แม้ว่าเพื่อน ๆ ของฉันจะเคยเห็นโดโต้ในร่างตุ๊กตา ที่มีอายุนานเเสนนานแล้วก็ตาม
แม่นางเหี่ยน

  

เเรกรักรัตติกาล 11


ตอนที่ 11 ค้นพบความจริง
                ฉันยังนั่งมือปาดน้ำตาอยู้ข้างๆโดโต้ หน้าของฉันซบลงตรงไหลที่มีขนนุ่มปุกปุยของเจ้าโดโต้แล้วปล่อยน้ำตาไหลรินไหลออกมา ฉันใช้เวลาอยู่เนินนานกับการเสียใจก่อนจะหยุดเเล้วถามใจว่าเคยได้อะไรคืนมา  ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาที้งสองข้างอีกครั้ง ก่อนที่จะสิ้นเสี้ยงสะอื้น ตั้งเเต่วินาที่นั้นฉันก็หยุดร้องไห้ แล้วบอกกับตัวเองว่าจะไม่อ่อนเเอ ให้ใครที่เป็นปัญหา ฉันเริ่มคิดได้ว่าทุอย่าเเก้ไขได้โดยไม่ใช้น้ำตา และในวันข้างหน้าจะต้องมีอะไรดี ๆ ให้ฉันต้องค้นหา อีกมากมาย วันนี้ฉันเข้มเเข็งแล้วนะ หัวใจที่เคยอ่อนเเอกลับมาเข้มเเข็งเเก่งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มันถึงเวลาเเล้วที่ฉันจะต้องลงขึ้นมาเช็ดน้ำตาหายไปกับความเจ็บปวด มันจะเป็นเพียงฝันร้ายที่ผ่านไปในคืนนี้   
           "ฉันจะกลับมาเป็นผู้หญิงคนเดิม เเละเป็นเพื่อนที่ดี ของนายนะโดโต้ นายให้โอกาศฉันได้เเก้ตัวอีกครั้งจะได้ไหม" 
ฉันพูดเสียงเเผ่วเบาพลางซบไหลเจ้าโดโต้ อยู่บนโชฟาหน้าห้องของฉัน 
            "ฉันยังค่อยรับฟังเธอ และอยู่ข้าง ๆ เธอเหมือนเดิม" 
 ฉันไ้ด้ยินเสียงทุ่มเข้มดังขึ้นข้างหูของฉันฉันตกใจตาค้างอยู่กับที่ ฉันไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเียงของใคร
             "โดะ โดะ โด...โต้" o_o! และทันทีที่ฉันลุกออกจากไหล่ของโดโต้ ฉันกวาดสายตาไปรอบ ๆ มีเพียงฉันเเละโดโต้เท่านั้น 
            "เสียงนายหรอโดโต้"    ฉันหันไปมองโดโต้ด้วยสีหน้ามึนงงและจ้องหน้าโดโต้ด้วยความสงสัย
            "ใช่สียงฉันเอง  เธอกลัวฉันหรอ" เสีงนั้นดังขึ้นอีก โดโต้พยักหน้าตอบฉันดวงตาสีน้ำตาลเข้มของโดโต้ฉายเเววจ้องมอมาที่ฉันอย่างอ่อนโยน  ในขณะทีฉันได้เเต่จ้องมองโดโต้อยู่อย่างคนทำอะไรไม่ถูกเอ่อ.... ฉันควรลุกออกจาโซฟาเเล้ววิ่งหนีไปให้ใกลเลยดีไหมหรือร้องตะโกนให้คนช่วย 
~U~ สายตาที่จ้องมองมาเเบบนั้น ทำให้ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นข องโดโต้ว่ามันจะไม่ทำร้ายฉันแน่ ๆ  เเต่ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่กล้าขยับเหมือนถูกจับเเช่เเข็งอยู่กับที่ จู่ ๆ โดโต้ก็ขยับเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะคว้าข้อมือของฉันเอาไว้  
            "เธอไม่ต้อกลัวฉันนนะ ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดมาก และต้องมาเจอเรื่องของฉันอีก แต่ฉันก็พยายามจะบอกเธออยู่เหมือนกัน ฉันไม่สามารถทนดูผู้หญิงตัวเล็ก ที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ร้องไห้ฟูมฟายไปมากกว่านี้อีกแล้ว "  คำพูดของโดโต้ทำให้ฉันรู้สึกถึงความจริงใจที่โดโต้มีต่อฉัน แต่ในตอนนี้ฉันไม่กล้าแม้เเต่จะสบตากับตุ๊กตาตัวนั้นเลย
ตึก!  ตึก!  ตึก!
 เอาอีกแแล้วหัวใจของฉันเต้นรัวขึ้นมาอีกแล้ว ฉันนั่งกำมือเเน่เเละเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าโดโต้
            "ฉันขอโทษที่ทำให้เธธอต้องตกใจ" โดโต้เอยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ 
              "จริงๆแล้วฉันก็ ตกใจอยู่เหมือนกัน นะ...นะ...นายก็คงรู้เรื่องของฉันทุกอย่างเเล้วสินะ" O_o
ฉันพูดออกมาด้วยความเก้ ๆ กัง ๆ และเขินอาย หลังจากที่ โดโต้นั่งเปิดใจคุยกับฉัน เรานั่งคุยกันอย่างกับคนสนิทกันมานาน โดโต้เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับฉันในขณะที่ฉันนั่งฟังโดโต้พูดอย่างขบขัน และในบางเรื่องทำเอาฉันน่าเเดงไปหมดทั้งใบหน้า  
           "อันที่จริงฉันยังไมรู้ด้วยซ้ำว่าการตกหลุมรักมันเป็นยังไงและฉันก็ไม่ได้คิดปิดบังเธอหรอก ฉันอยากทำความรู้จักกับเธอตั้งเเต่วันเเรก ฉันก็ไมรู้จะเริ่มต้นยังไงเพราะฉันเป็นเพีงตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น"
"ฉันก็อยากขอโทษนานที่ผิดสัญญาในวันนั้น และฉันทิ้งความรู้สึกทุกอย่างให้นายรับผิดชอบสะหมดเลย" ฉันเเละโดโต้เข้าใจกันมากขึ้น จนพัฒนาพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนให้กลายเป็นมากกว่าคำว่าเพื่อน ^^
         

แม่นางเหี่ยน

วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตติกาล 10



 ตอนที่ 10  เราอาจลืมไป

           มาตราวัดความรักไม่ได้วัดกันตรงที่  ใครรักก่อน หรือ รักที่หลัง คนที่รักมานานอาจไม่ได้รักมากกว่า และคนที่รักทีหลังอาจไม่ได้รักน้อยกว่า ฉันได้เเต่นั่งกลุ้มใจ เก็บเอาความรู้สึกดีที่ดี ๆ นั้นไว้ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ การทุ่มเทมอบใจให้ใครสักคนไปแล้วมันยากที่จะต้องเอากลับมาเป็นเหมือนเดิม ถ้าหากความทรงจำของฉันเปรียบเสมือนกล่องหนึ่งใบ ก็ใช่ว่าจะเอาสิ่งของทุกอย่างใส่ลงในกล่องทั้งหมดแม้ว่ากล่องความทรงจำของฉันจะมีขนาดใหญ่พอที่จะเก็บเรื่องราวได้สามรพัด แต่กล่องความทรงจำ ก็คือกล่องที่วางไว้ในหัวสมอง เราจึงไม่สาารถโยนกล่องใบนี้ไปไว้ในหัวสมองของใครได้ >_<
          ภายในห้องมืดที่ไร้เเสงสว่าง มีเพียงเสียงหายใบที่เเผ่าเบา และเสียงสะอื่นที่ยังดังก้องอยู่ในใจ ใบหน้าที่เต็มไปคาบน้ำตา ของฉัน ฉันได้เเต่มองหน้าต่างที่เรียงรายอยู่ข้างซ้ายมือของฉัน ล้วนเเล้วเเต่ปิดสนิทเงียบไร้ซึ่งสำเนี้ยงใดๆ จะมีก็เเต่เพียงเสียงสะอื่นไห้ของฉัน ที่ยังดังก้องอยู่ในใจ    จู๋ ๆ  ก็มีก็มีเสียง เสียงขึ้งดังก้องกังวาลขึ้นมา    
       "คนที่ควรรัก อาจไม่ใช่คนที่เธอรัก อาจไม่ใช่คนที่รักเธอ อาจไม่ใช่คนที่รักกันมาก่อน อาจไม่ใช่คนที่กำลังรักอยู่  อาจไม่ใช่คนที่คิดจะรัก แต่คนที่ควรรัก อาจเป็นคนที่เธอยังไม่เคยรักเลยก็ได้"
      "เสียงใครอ่ะ" 
ฉันลุกขึ้นแล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องฉันลุกขึ้นพลางเอามือปาดน้ำตาที่เเก้ม  เสียงนั้นยังดังไม่หยุด ฉันพยายยามที่จะถามผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงนั้น  ยิ่งฉันตะโกนถาม เสียงนั้นยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ  ฉันพยายามมองไปรอบๆ เดินวนอยู่ที่เดิมเป็นสิบ ๆ รอบ  มีเงาดำร่างใหญ่พุงตรงมาที่ฉัน ฉันกรีดร้องจนสุดเเรงล้มลงไปที่พื้น เเต่เสียงนั้นยังคงตามติดหูไม่หายไปไหนเลย นั่งได้เเต่นอนเเน่นิ่ง พลางเห็นเงาดำยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน ฉันแล้วเสียงนั้นก็เงียบงายไป

พรึบ!!!!
ทั้งร่างของฉันสะดุ้งแรงเหมือนถูกกระชากตกจากที่สูง ดวงตาลืมพรึบเลิกลั่กกวาดมองโดยรอบสีหน้าตื่นจึงพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง เหงื่อผุดซึมทั้งดวงหน้า ฉันลุกขึ้นพิงหัวเตียง มือทาบ อกอย่างอกสั่นขวัญแขวน หัวใจเต้นกระหน่ำ เหมือนจะหลุดกระเด็นออกมานอกอก ลำคอแห้งผาก ขณะสายตาหวาดระแวงกวาดมองโดยรอบเพื่อให้แน่ใจ 
       "เมื่อกี้...ฝันใช่ไหม" 
เสียงเครือแผ่วเบาหลุดจากลำคอ มือยังทาบกับหน้าอก ฉันกลืนน้ำลายเหนียวฝืดลงคอยากเย็น ยังไม่หายตกใจเท่าไหร่ด้วยความน่ากลัวในฝันยังตามมาหลอกหลอนในยามตื่น รู้สึกถึงความชื้นของเหงื่อที่ส่งผ่านจากผิวหนังสู่เสื้อผ้า มื้อของฉันคว้าหาเจ้าโดโต้ หาเท่าไรก็ไม่เจอ  พยามยามตามหาฉันร้องเรียกโดโต้จนหมดเสียง  ไปตาม ๆ กัน
         "ฝันนั้น  ต้องเป็นโดโต้เเน่ๆ นายอยู่ไหนหรอ โดโต้ ฉันเป็นห่วงห่วยมากเลยนะ ฉันขอโทษที่ฉันไม่สนใจนาย และดูแลนายไม่ดี โดโต้ฉันขอโทษ"
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ฉันออกเดินทางตามหาโดโต้ทุกที่ที่ฉันเคยไป แม้กระทั้งทริปที่ฉันไปเที่ยวกับครอบครัว เเต่ไม่เจอโดโต้เลย ฉันร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมาอยู่แล้ว  หัวใจของฉันเต้นร็วขึ้นเรื่อยๆ
         "โดโต้นานอยู่ไหน ฉันอยากเจอนายจริงๆนะ นายคือเพื่อนที่ดีมี่สุดของฉัน"
 ฉันพูดปนเสียงสะอื้น น้ำตาหนองเต็มสองตา พอตะวันลับฟ้าทุกอย่างดูเงียบสงบท้องฟ้ายังขุนมัวยิ่งมองยิ่งรู้สึกเศร้าไปอีก  ฉันเดินเข้าบ้านอย่างเหนื่อยล้า เเก้มทั้งสองเปื่อนคาบน้ำตา เนื้อตัวหมอมแหมม ฉันทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาหน้าทีวีก่อนจะถึง้องนอนของฉัน ฉันเหลือบไปเห็นโดโต้นอนเเน่นิ่งอยู่ข้างๆโซฟา ทั้งตัวของโดโต้เต็มไปด้วยฝุ่น หยากไย่เต็มไปหมด ฉันรู้สึกดีใจจนไม่ไม่ถูกน้ำตาของฉันไหลลงมาอาบเเก้มทั้งสองของ ฉันดึงโดโต้มากอดเเบบสุดกำลัง ฉันกอดโดโต้เเน้นไปทั้งตัว 
        "นายอยาหายไปไหนอีกนะ ฉันเป็นนห่วงนายมากเลยรู้ไหม" 
ฉันร้องไห้พลางกอดโดโต้ตุ๊กตาตัวโปรดของฉันด้วยความดีใจ  โดโต้ทำให้ฉันรู้ว่าเราไม่ควรมองข้ามความรักของคนใกล้ตัว มันค่อยดูแลฉันมาตลอด มันค่อยรับฟังฉันทุกเรื่อง     มันทำให้ฉันเห็นว่ามาตราวัดความรักไม่ได้วัดกันตรงที่  ใครรักก่อน หรือ รักที่หลัง คนที่รักมานานอาจไม่ได้รักมากกว่า และคนที่รักทีหลังอาจไม่ได้รักน้อยกว่า เพราะความรักอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาเพียงอย่างเดียว ขอบคุณที่นายไม่ทิ้งฉันในช่วงเวลาที่ฉันทุกข์ใจนะ ^^"




แม่นางเหี่ยน


แรกรักรัติกาล 9


 ตอนที่ 9 อกหัก

     
           เช้าวันที่สดใส ดวงอาทิตย์กลมโตสีส้มแดงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ช่วงเวลาระหว่างนั้นยังมีความงดงามแฝงอยู่มากมาย... ช่วงเวลาเช้า ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวออก แสงสีส้มอ่อนสาดส่องลงบนพื้นดินและผืนหญ้าก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนย้ายไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดนิ่ง
ฉันชอบช่วงเวลาเช้ามากที่สุด โดยเฉพาะช่วงที่แสงของดวงอาทิตย์ส่องลงบนลานหญ้าที่มีสีเขียวขจีและมีมีหมอกบาง ๆ  สีสวยงามบนยอดหญ้า ในขณะที่แสงแดดอ่อนค่อย ๆ ทอดแสงจากระเบียงมายังปลายเตียงของไอร้อนจากแสงแดดสัมผัสกับขาเรียวที่ยื่นออกมานอกผ้าห่มเพียงเล็กน้อย ทำให้ขาเรียวชักขากลับเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มตามเดิม สายลมหอบไอร้อนจากแสงแดดพัดลอดหน้าต่างที่แง้มไว้เข้ามาภายในห้อง กระทบเข้ากับโมบายขนนกห้อยด้วยกระดิ่งสีทองที่แขวนไว้ริมหน้าต่าง เสียงกระดิ่งดัง
กริ๊งๆๆ ทำให้ฉันลืมตาตื่นแล้วเดินงัวเงียไปอาบน้ำ วันนี้ทั้งวันันไม่ได้ไปไหนเลย ฉันได้เเต่เดินไปมาอยู่ภายในบ้าน ทุกเช้าฉันจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง สาม สี่รอบ  แต่แปลกจังวันนี้พี่ดิวไม่โทรมาฉันเลย ฉันหยิบโทรศัพท์ แล้ววางลงเหมือนเดิม  ความรู้สึกตอนี้เริ่มจะสับสน เคยเป็นไหม เวลที่เราคิดถึงใครสักคน เราจะรู้สึกทรมานเพราะเราคิดไปเองว่าเขาคนนั้นจะไม่คิดถึงเรา ถึงเเม้ว่าการที่เราคิดถึงใครคนนั้นจะเป็นทุกข์บ้าง ทำให้เราต้องมานั่งคิดกระวนกระวายนั้น เเต่ลึกๆแล้ว เราก็รู้สึกชุมชื่นหัวใจ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารอบที่สิบ  ฉันนั่งจ้องมื้อถืออยู่ครู่หนึ่งแล้วแล้วว่างโทรศัพท์ลงที่โต๊ะ  ฉันได้แต่นั่งมองโทรศัพท์
....... มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว......  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันรีบกดรับโทรศัพท์ เพราะคิว่าอาจจะเป็นพี่ดิว
"ฮัลโหล พี่ดิว" ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่เสียงที่ตอบกลับมาคือพนักงานที่คอเซ็นเตอร์ มือของันวางโทรศัพท์ลงอย่างเชือกช้า ฉันมองผ่านไปทางหน้าต่าง เพราะคิดว่าเขาจะปรากฎตัวขึ้นมา เวลามาหาฉันเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีมีแม้แต่คนเดียว ฉันพยายามยือทุกอย่าง เพราะหลายวันมานี้เขามีทางที่กังวล แต่คงผิดที่ฉันเองที่ไม่กล้าจะถามและฝังคำตอบนั้นเอง เพราะฉันไม่ใช่คนที่เข้มเเข็งที่จะทนรับความรู้สึกนั้นได้ และก็ไม่เเข็งเกร่งพอที่จะตัดใจจากความรัก  ฉันหยิบโทรศัพท์โทรหาเเครอทเพื่อนสนิทของฉัน
         "แครอทแก่ทำอะไรอยู่หรอ"
         "ฉันไม่ได้ทำอะไร เเก่ละสบายดีไหม"
         "อืม ก็ดีนะทริปปีนี้ก็สนุกดี"
         "ได้ข่าวว่าไปยกครัวเลยนิ คงหวานน่าดู" ^^
         "หวานบ้าไรยะ นี่ไม่ได้คุยกันหลายวันเเล้วไม่รู้หายไปไหน"
        "เผื่อใจไว้หน่อยนะเเกผู้ชายเชื่อใจไม่ได้หรอกนะ เเค่นี้ก่อนนะเเม่เรียกเเล้ว"
        "อือ ๆ ไว้เจอกันลกัน บ๊ายยย"
สิ้นสุดเสียงเเครอททำให้ฉันยิ่งคิดกลุ้มใจ เรื่องความรักมันทำให้คนเรารู้สึกได้มากขนาดนเลยหรอเนี้ย...
ฉันเดินไปหยิบกาเเฟทีี่โต๊ะแล้วนั่งเล่นเกมอยู่คร่หนึ่ง
 ........มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว......เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นครั้งที่สอง ฉันหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์อยู้หน้าจอคือเบอร์ของพี่ดิว ฉันดีใจและรู้สึกน้อยใจปะปนอยู่ในใจฉัน ฉันกดรับโทรศัพท์โดยที่ไม่เอยปากถามพี่ดิวแม้เเต่คำเดียว
       "ผักหวาน ฮัลโหล ผักหวานได้ยินไหม"
       "ได้ยินค่ะ พี่ดิวทำอะไรอยู่หรอคะ"
       "พี่อยู่กับเพื่อนค่ะ ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยวาง"
        "ค่ะ"     ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า
        "เป็นอะไรหรือเปล่า เสียงเศร้า ๆ"
        "เปล่า ค่ะ"
     "ถ้าไม่อยากคุยวันหลังพี่จะไม่โทรไปล้วก็ได้"
พี่ดิวพูดด้วยเสียงดุดันแล้ววางสายโดยที่ฉันยังไม่ได้ตอบโต้อะไเลย  ฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ออกมาจากน้ำเสียงที่ดุร้ายของพี่ดิวมันรู้สึกได้ว่า ความรักของเรามันต้องการพักเพียงเท่านี้ จากความคุ้นเคย สะสมบ่มเพราะด้วยเวลา  ที่มีนานาน แต่เพียงไม่กี่นาที ไม่กี่ชั่วโมง เหมือนมีบางอย่างพรากสิ่งที่คุนเคยจากฉันไป คุ้มค่าไหมกับสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ ันได้เเต่นั่งถามหัวใจตัวเอง   หลังจากวันนั้น ฉันเเละพี่ดิวก็ไม่มีการติดต่อกันอีกเลย   ฉันได้เเต่นั่งคิดถึงเรื่องเดิม ๆ ทุกอย่างมันผุดขึ้นมาให้ฉันได้คิดอยู่ตลอดเวลา   ฉันเอาเเต่เก็บตัวอยู่นห้องไม่ยอมเจอหน้าใคร ถ้าวันนี้เราเป็นแค่คนห่างไกล เเล้วเธอก็รู้สึกเช่นนั้น แันก็คงจะไม่โทษใคร ถ้าความรักเเละความจิงใจของฉันไม่มีค่าพอ และถ้าวันนี้เธอก็ยังเป็นเธอฉะันก็ยังเป็นฉัน  เเละทุกวันเหมือนฉันนั้นต้องวิ่ตามเงาของเธอ ที่บางครั้งอาจจะจับต้องได้เเต่สุดท้ายเธอก็คือเงา  ฉันนั่งอยู่ภายในห้องสีเหลี่ยม ที่ว่างเปล่า มีเพียงเสียงสะอื่นและน้ำตาที่ไหลเต็มทั้งสองเเก้ม

แม่นางเหี่ยน

แรกรักรัตติกาล 8



ตอนที่ 8   พ่อเเม่และเเฟน


           หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉันอยู่กับพ่อและเเม่ตลอดเวลา ในช่วงปิดภาคเรียน ฉันชอบเข้าครัวทำอาหารกับแม่เป็นประจำและแม่ก็จะชอบทำในสิ่งที่ฉันชอบทานอยู่เสมอ 
           "พ่อคะ อาหารเสร็จแล้วค้าาาา" ฉันร้องเสียงดังพร้อมกับถือถาดอาหารถาดใหญ่เต็มมือไปไว้ที่โต๊ะอหาร
           "สองชิมดูสิคะ หนูทำเองเลยนะพ่อ"^^ ฉันพูดพ้อมอมยิ้มเล็กน้อย แล้ววางอาหารลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น พ่อมองหน้าหน้าฉันเเล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตักพัดผักแล้วจัดการชิมทันที
          "หืม... อร่อยจริงด้วย" พ่อพูดขึ้นเท่านั้นเเหละแม่ก็ยิ้มกว้าง พลอยให้ฉันอดยิ้มตามไม่ได้ แม่เดินมานั่งโต๊ะพร้อมกับฉัน 
           "เอ่า พ่อกินเยอะ ๆ นะ จะได้มีเเรง" แม่จัดการตักข้าวใส่จานให้พ่อ  ทำให้พ่อยิ้มกว้างออกมาทันทีก้มหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อย   ฉันนั่งทานข้าวกับพ่อและแม่อย่ามีความสุข ระหว่างที่ฉันกำลังทานข้าวพลางพูดคุยกันบนโต๊ะอาหาร  มีเงาของชายร่างสูงคนเดินเข้ามาทางประตูพร้อมกับถือของรุงรังเต็มมือไปหมด 
          "อ้าว พี่ดิวมาได้ยังไงคะ กำลังทานข้าวพอดีเลย" ฉันพูดพลางลุกขึ้นเรียกพี่ดิวแล้วเดินไปรับของจากพี่ดิว ฉันจัดการตักข้าวใส่จานให้พี่ดิว อย่างคล่องแคล่ว
         "สวัสดีครับพ่อ แม่"
         "อ้าว สวัสดีลูกมาทานข้าวด้วยกัน" พ่อพูดพลางถือซ้อนตักอาหารใส่จาน  ทุกคนนั่งทานข้าวด้วยกัน หลังจากทุกคนทานข้าวเสร็จ  พี่ดิวช่วนฉันออกไปเดินเล่นที่สวนหน้าบ้าน  วันนี้พี่ดิวมีท่าทีเเปลก ๆสีหน้าเคร่งเครียด เหมือนกังวลเรื่องอะไรอยู่แต่ันยังไม่กล้าที่ะเอ่ยปากตามออกไป ในตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดใจจนบอกไม่ถูก สิ่งที่ฉันได้เห็นอาการของพี่ดิวและความรู้สึกข้างในข้องฉันนั้น มันเเสดงให้เห็นว่าฉันเริ่มเปิดใจรักพี่ดิวมากขึี้น ๆ เรื่อย ๆ ความรัก มีคำเป็นล้านคำที่เป็นความหมายของคำนี้ จะว่าไปแล้วความรักก็เป็นคำที่มีความหมายหมากทีี่สุดคำหนึ่งก็ว่าได้ ความรักในความหมายของเเต่ละคนอาจเเตกต่างกันไปตามความรู้สึก ละประบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราเอง ไม่มีใครเลยสักคนที่จะไม่รู้จักกับคำว่ารัก จะมีแต่พวกที่บอกว่ารักไม่เป็น เเต่ลึกๆในความรู้สึกของคนเหล่านั้น ก็ต้องมีคำว่ารักอยู่เเน่ ๆ >_<
         "วันนี่พี่ดิวว่างไหมคะ ไปเดินตลาดใกล้ ๆ ดีไหม" ฉันพูดขึ้น ด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ  อยากรู้ว่าตอนนี้พี่ดิวคดอะไรอยู่กันเเน่ 
         "ก็ดีเหมือนกัน" พี่ดิวตอบฉัน ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ทำให้ฉันอึดอัดจนไม่รู้จะช่วนคุยอย่างไรดี
 พอแสงแดดอ่อนจางยามเย็นทอประกายลงมากระทบกับผืนหญ้าหน้าบ้านของฉัน ฉันนั่งคุยกับพี่ดิวตรงม้านั่งข้างต้นไหมใหญ่ที่เก่า บางที่ก็อดคิดไม้ได้ว่าที่เเห่งนี้ฉันเคยพาผู้ชายคนหนึ่งมาเดินเล่นอยู่เป็นประจำมันเหมือนเป็นสถานที่เเห่งความทรงจำของฉันเลยก็ว่าได้ ฉันและพี่ดิวปั่นจักรยานไปตามเส้นทาง สายลมบางเบาพัดต้นหญ้าที่อยู้ข้างทางโอนเอนไปมาตามกระเเสลมที่พัดโบกเอือย ๆ ก้อนเมฆสีขาวเหลือบชมพูบานเย็นไล่ระดับเฉดสีเข้ากับท้องฟ้าที่เริ่มกลายเป็นสีส้มจางเพราะใกล้เวลาที่ดวงตะวันจะลับเส้นขอบฟ้า มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีคววามสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว และคนที่ฉันรัก ทามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ฉันอยากจะยื่อเวลานี้ไว้นาน ๆ มันเป็นช่วงปิดเทอมที่เเสนมีความสุข มันไม่สามารถอธิบายความความรู้สึกเเละเหตูผลเช่นนี้ได้  การที่มีครอบครัวที่เข้าใจ มีคนรักค่อยให้กำลังใจ  ฉันพยายามที่จะไม่เก็บภาพสีหน้าของพี่ดิวมาคิดเพราะฉันยังไม่พร้อมที่จะต้องได้ยินคำที่ทำให้ันนั้นต้องเสียงใจ ฉันพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ แต่ลึกๆข้างในแล้วพี่ดวต้องมีเรื่องกลุ้มใจอยู่แน่แหละ  และสุดท้ายพี่ดิวก็กลับมาเป็นคนเดิมผู้ที่มีรอยยิ้มสุดเท่ และค่อยติดตามฉันเหมือนทุกครั้ง รสชาติเเห่งความสุขมันมีไม่มากแต่ฉันพยาามที่จะถนอมมันไว้ไม่ให้มันจางหายไป หลังจากปั่นจักยานเล่นเราทั้งสองเเยกย้านกันกลับบ้าน  หลายวันเเเล้วที่ฉันยังไม่ได้เจอกับเจ้าโดโต้ ฉันลืมโดโต้ไปสนิทเลย และในทุกๆคืนก่อนนอน ฉันได้เเต่คุยโทรศัพท์กับพี่ดิวแล้วหลับไปพร้อมโทรศัพท์ที่อยู่ข้าง ๆ หูของฉัน  มันเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีความรู้สึกดี ๆ ต่อผู้ชายคนนั้น ทุกอย่างรอบข้างแม้นกระทั้งตุ๊กตาตัวโปรดของเธอตอนนี้จึงไม่มีความหมายแและหายไปจากความรู้สึกของเธอ


แม่นางเหี่ยน
  

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เเรกรักรัตติกาล 7


ตอนที่ 7 เที่ยวทะเล


ใกล้จะถึงช่วงสอบกลางภาคเหลือเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นพวกฉันต้องเร่งเคลียร์งานทั้งหมดไว้เนิ่นๆ เพื่อให้มีเวลาอ่านหนังสือสอบ พวกฉันทำงานกันจนถึงเย็นโดยไม่ได้พักกันเลย พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและเเดดก็เริ่มจะคลายลงไปบางส่วนแล้ว พี่ดิวเดินมาพวกฉัน 
    "มีอะไรให้ช่วยไหม" 
    "กำลังจะเก็บของกลับพอดีค่ะ นี่มารับน้องหรือมารับใครกันแน่" แครอทพูดพลางยื่นกระดาษและเเฟ้มงานให้ผักกาด หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พอถึงบ้านฉันนอนฟังเพลงกับโดโต้อย่างสบายใจเพราะงานก็ใกล้จะเสร็จแล้วถ้าสอบเสร็จฉันจะช่วนโดโต้ไปเที่ยวกัน มันคงจะเบื่อเเล้วที่นอนอยู่แต่่ในห้องแคบๆ ของฉัน 
   "โดโต้ นายว่าปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนดี ไปปีนเขาไหม หรือไปล่องแพร  อื่อ...ไปที่ยวทะเลดีไหม บรรยายกาศคงจะเย็นสบาย นายว่าน่าสนุกไหม เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานมากเเล้วนะ  นายดีใจใช่ไหมที่จะได้ไปเที่ยว  อีกไม่กี่อาทิตย์ฉันก็สอบเสร็จแล้ว เตรียมตัวรอได้เลยเจ้าโดโต้" ^^
 ฉันพูดพร้อมกับกอดเจ้าโดโต้ตุ๊กตาตัวโปรดของฉันกลิ้งไปมาบนที่นอน ฉันรู้สึกได้ว่ามันคงดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกับฉัน และเวลาฉันมีความสุขเหมือนมันก็ยิ้มตอบฉันอยูเสมอ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฉันคุยกับพี่ดิวจนลืมเจ้าโดโต้ไปเลย 

     สองอาทิตย์ต่อมา.....
ฉันเตรียมของเพื่อที่จะออกเดินทางไปเที่ยวเกาะทะลุ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทั้งพ่อ แม่ เจ้าโดโต้ และพี่ดิว ฉันตื่นเล้นและมีความสุขมากที่ได้อยู่กับครอบครัวของฉันอย่างมีความสุข ระหว่างทางรถติดเป็นเเถวยาวกว่าจะถึงที่พักก็คงมืดพอดี  เมื่อถึงที่พักทุกคนต่างก็หลับสนิท ฉันยืนกอดเจ้าโดโต้แล้วมองผ่านหน้าต่างภายในห้อง ทุกอย่างดูเงียบสงบ มีเพียงแสงจันทร์และเสียงคลื่นที่สาดประทะกับทราย 
     "โดโต้ นายชอบที่นี้ไหม พรุ่งนี้ไปเดินเล่นฉันนะวันนี้เหนื่อยเเล้ว นนพักเอาเเรงก่อนพรุ่งนี้ต้องสนุกแน่ๆ" ^^ ฉันหลับไปพร้อมโดโต้ตุ๊กตาตัวโปรดของฉัน
กริ่ง.....
กริ่ง.....
กริ่ง......
 เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ฉันลืมตาตื่นแบบงัวเงีย ฉันไม่ลืมที่จะทักทายโดโต้ก่อนใครๆ 
"วันนี้ฉันจะพานายเที่ยวให้สนุกเลย ฉันไปอาบน้ำเเต่งตัวก่อนนะ" ^^  ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูห้องฉัน
"ผักหวาน  ผักหวานแม่ให้มาตามออกไปกินข้าวได้เเล้ว"
"ได้ค่ะ.....พี่ดิวหนูกำลังออกไปค่ะ" ด้วยความตื่นเต้นฉันยังไม่มองเห็นเจ้าโดโต้ว่ามันยังนอนอยู่ที่นอนของฉันหรือป่าวฉันรีบเปิดประตูแล้วเดินไปกับพี่ดิวลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าโดโต้ไปเลย
บรรยากาศตอนเช้าท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ความเขียวขจีของป่าดิบชื้นและความร่มรื่นของทิวมะพร้าวทอดแนวยาวตลอดชายหาดระลอกคลื่นทักทายสายลมที่พัดกระแสน้ำสู่ชายหาดเป็นระยะๆ ฉันเดินเที่ยวชมทะเลกับพี่กอวเเละพ่อแม่อย่างมีควาามสุข เเวะชมร้านขายของชำร่วย ไปเลื่อยๆ จนเเวะทานอาหารด้วยกัน ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่ไ่มีใครให้ฉันได้เเละฉันจะไม่ลืมมันเลย  พอตกเย็น
สีเมฆขาวรับเป็นสีแดงฉานไล่กับเวลาพลบค่ำประกายแสงทางยาวส่องลงขนานกันเป็นทางเส้นฟ้าริมเกาะบรรยากาศเปลี่ยนไปในทันตา  เกลี่ยวคลื่นพัดเข้าสู่ฝั่งแผ่วลง  ชายหาดกว้างขึ้น ในขณะที่อาทิตย์เริ่มอ่อนแสง พี่ดิวเดินจับมือฉันเดินไปตามคลื่นทะเล มันเป็นภาพที่ฉันอยากจะบันทึกไว้ไม่ให้มันหายไปไหนเลยฉันและครอบครัวของฉันอยู่พร้อมหน้ากันช่างเป็นภาพที่อบอุ่นจริงๆ เวลาเเห่งควมสุขของฉันก็จบลงไปเพราะพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับแล้ว ันกลับมามี่ห้องพักด้วยความเหนื่อย จึงเผลอดับไปโดยไม่ทันได้ทำอะไร แม้กระทั้งโดโต้ ฉันลืมไปไปเลย ฉันหลับไปทั้งที่ไม่รู้ว่าโดโต้อยู่ส่วนใดของห้องฉันวันนี้เป็นวันที่ันไม่ได้คุยกับโดโต้ก่อนนอน ฉันหลับสนิทไปในคืนนั้นอย่างสบายใจ และไม่รับรู้อะไรเลย




แม่นางเหี่ยน

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

แรกรักรัตติกาล 6



ตอน  6 พี่ชายเพื่อน

 วันเสาร์.....     
         มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว...... 
"ฮัลโหล มีอะไรหรอผักกาดโทรมาเเต่เช้าเลย"
"นี่... เขามากันครบเเล้วย่ะ เมื่อไรจะถึงเนี้ย"
"อุ๊ย!! ว่ามีนัดทำงาน เดี๋ยวฉันอาบน้ำเเป๊ปหนึ่งเดี๋ยวฉันตามไป บายยย" 
ฉันรีบอาบน้ำออกไปทำงานกับเพื่อนที่โรงเรัยน อย่างรีบเร่ง พอมาถึงที่โรงเรียนฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกสายตาของใครจ้องมองมา...  และสายตานั้นเพ็งเล็งมาทีฉันแบบไม่ละสายตาไปทางอื่นเลย
ฮือ~    นี้เขาจะมองฉันทำไมเนี้ยหรือฉันแต่งตัวตลกหหรอ ฉันทำอะไรขายหน้าอีกไหมเนี้ย 
พรึบ ๆ รีบเดินดีกว่า 
ห้องงสมุดโรงเรียน
ยัยพวกนั้นอยู่เเถวไหนกันนะ  ฉันยืนอยู่กลางห้องสมุดที่เงียบสนิทมีเพียงชั้นหนังสือเรียงราย  ในช่วงวันหยุดจะไม่ค่อยมีใครมาใช้ห้องสมุดดเท่าไหร่หรอก มีเเต่พวกกรรมการนักเรียนห้องที่เขามาช่วยดูแลประจำอยู่ทีห้องสมุดนั้นแหละ
"ผักหวานทางนี้" เสียงเล็ก ๆ ของผู้หญิงดังมาจากด้านซ้ายมือของฉัน ฉันเดินไปอย่างเร่งรีบพร้องกับในมือถือของรุงรังเต็มไปหมด จากนั้นพวกเราก็ทำงานอย่างขมักเขม้นจนเสร็จภายใรเวลาสองชั่วโมงทุกดูเคร่งเคลียดและหมดแรงไปตาม ๆ กัน
"ฉันกลับก่อนะ เดี๋ยวพี่ชายจะรอนาน เเม่ให้มันมาเฝ้าฉันกลัวว่าฉันอย่ากับฉันเป็นนักโทษ" แครอทพูดขึ้นพร้อมกับเก็บของใส่กระเป๋า
"นั่นพี่ชายแกหรอ ที่นั่งรออยู่ศาลาข้างสระน้ำอ่ะ" ฉันถามแครอทด้วยความมสงสัย
"เออ...ก็มีพี่ชายตัวร้ายนั่งอยู่คนเดียวนั่นแหละ  ไปล่ะนะ มันรอนานแล้ว บายยยแล้วเจอกัน "
"บะ บะ บะ บาย  ละ ละ ละ แล้วเจอกัน" ๐_๐!!  นี้มันพี่ชายยัยครอทหรอเนี่ย 
            ครู่ต่อมา....ฉันเดินออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำอยู่ฟังซ้ายข้างๆน้องสมุด ฉันเห็นพี่ชายของยัยแครอทเดินผ่านหน้าฉันไป แวบหนึ่งพี่ชายยัยแครอทเอียงหน้าปรายตามาทางฉันเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ฉันก็ทำธุระในห้องน้ำเสร็จจึงรีบเดินออกมา
"ใช่เพื่อน แครอไหม" เสียงทุ่มจากลำคอที่ดูงเข้มขึมดังมาจากด้านหลังของฉัน
"ชะ....ใช่ค่ะ มีอะไีหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไม่เจอกับแครอทหรอคะ"
"เปล่าหรอ พี่แค่เดินมาเข้าห้องน้ำเฉยๆ  พี่ชื่อ ดิว นะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"ขะ.....ค่ะ ยินดีค่ะ เอ่อ... หนูผักหวานค่ะ  เอ่อ.... งั้นขอตัวไปก่อนะคะ"
พี่ดิวยีนอมยิ้ม แล้วมองฉันด้วยแววตาที่เป็นมิตร มองเผิน ๆ อาจดูเหมือนไม่มีอะไร เเต่ฉันกลับสัมผัสใด้ถึงบางอย่างที่เเผ่ซ่านออกจากแวววตาของเขาอย่างเข้มข้น  และยิ่งไปกว่านั้นฉันรู้สึกว่าหัวใจฉันกำลังเต้นอย่างเเรงเพราะสายตาของพี่ดิวจ้องมองมา
ตึก! ตึก! ตึก!
ให้ตายเถอะ! ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ฉันยังไม่เคยรู้สึกใจเต้นเวลาถูกผู้ชายคนไหนมองมาก่อนเลยนะ แต่ทำไมกับพี่ดิว  ฉันถึง....
"อ๊ากกกกกก!!! ทำไมฉันต้องมาตกอยู่สภาวะแบบนี้ด้วยเนี่ย" T-T 
มาถึงห้องสมุด ผักกาด และผักบุ้ง ก็ำลังจะเก็บของ ฉันรีบเก็บของช่วยผักกาดและผักบุ้ง 
 "นี้มัน กะเป๋าสตางค์ยัยแครอทนิทำไมมาวางอยู่ข้างกระเป๋าฉันล่ะ"
 " แก่เก็บไว้ให้มันหน่อยผักหวาน ยัยเนี้ยหลง ๆ ลืม ๆ ไม่รู้จะรีบไปไหน ฉันจะกลับกับผักบุ้งเเล้ววแวะไปส่งแก่ก่อน"
 "อือ.... ๆ " 
     ที่บ้านของผักหวาน...
ฉันเดินเข้าไปในห้องแล้วเลือบมองไปเห็นเจ้าโดโต้  ยังนั่งแนนิ่งอยู่บนเตียงของฉัน   มาได้ไกลเพียงนี้ นับว่าก็ดีเกินพอที่เหลือที่รอก็แค่คำสั่งให้ประหาร โอ้ว โอว โอ้ว...... 
 ยังไม่ทันจะได้นั่งเลย ใคร โทรมาล่ะเนีี้ย ฉันหยิบโทรศัพท์มาดูในอาการเก้ ๆ กัง ๆ เบอร์ใครเนี้ย.....
  "สวัสดีค่ะ"
 "ผักหวานหรอหรอ จะเพราะไปไหนยะ ฮ่า ๆ " :)
 "อ้าว....แครอทเองหรอ ตามหากระเป๋าล่ะสิ"
 "ใช่ ฉันบอกพี่ดิวแวะไปเอาที่บ้านแกน่ะ พอดีพี่ดิวไปทำธุระแถวนั้นฉันเลยโทรมาบอกแก่ไว้"
 "ห๊ะ!!  " >_< ! 
หลังจากคุยโทรศัพท์กับแครอทได้ไม่นาน ก็มีเสียงผู้ชายดังมาจากหน้าบ้าน ฉันเดินออกมาหน้าบ้านดัวยความกังวล  นะนะ นั่นพี่ดิว >_< !
"พี่มาเอากระเป๋าให้แครอทครับ" เสียงทุ่มต่ำที่หลุดออกมาจากปากของพี่ดิวทำเอาฉันหนาววูบ และใจเต้นแรงขึ้นมาทันที่  ตาย!  ตาย! ฉันกลัวสายตาแบบนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกใจเต้นแบบวันนั้นอีกแล้ว ฉันจะทำยังไงดี YoY "อ๋อ... ระ..... รอ เเป๊ปหนึ่งนะคะ" ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าของแครอทแล้วนำมายืนให้พี่ดิว ด้วยความกลัวฉันไม่ได้แต่ก้มหน้าพร้อมกับยื้นกระเป๋วใบนั้นให้พี่ดิวไป มือของพี่ดิวสัมผัสมือของฉันอย่างเชื่อช้า ทำเอาฉันตกใจแล้วสะดุ้งจ้องมองตากับพี่ดิว O_o  แววตาของเขาจ้องลึกลงในดวงตาของฉัน อ๊ากกกก!!! สายตาคู้นี้อีกแล้ว 
"พี่กลับก่อนนะ"
"คะ...ค่ะ" >o<  ฉะนยังรู้สึกใจเต้นไม่หาย นี้ฉันเป็นอะไรกันแน่
"โดโต้ นายเคยมีความรู้สึกนี้บ้างไหม " ฉันพยายามเล่าความรู้สึกให้กับโดโต้ฟังจนหมด  แต่โดโต้ได้เอาแต่มองหน้าฉันและนิ้งเฉย แต่ดูเหมือนมันจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน ฉันเล่าอย่าจริงจัง แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น ฉันกดรับสายเป็นเสียงผู้ชาย ฉันตกใจมากนั้นมันเสียงพี่ดิว ในคืนนั้นฉันคุยโทรศัพท์กับพี่ดิวเกือบสองชัวโมง แล้วประโยคสุท้ายที่ฉันได้ยิน
"พี่ชอบหนูนะ คุยสนุกดี ฝันดีนะครับ"  มือของฉันถือโทรศัพท์อยู่แล้วทำอะไรไม่ถูก เอนตัวลงบนเตียงนุ่มๆ อย่างแน่นิ่ง นี้คือความรู้สึกของความรักหรอ สีหน้าของฉันอมยิ้มปนกังวลแล้วนอนกลับไป หลังจากคืนนั้นฉันคุยกับพี่ดิวแบบนี้เกือบทุกวันฉันตกลงคบกับพี่ดิว เพื่อนในกลุ่มของฉันจะชอบล้อเรื่องขงฉันกับพี่ดิวตลอด นี้ก็ใกล้จะปิดภาคเรียนแล้ว ฉันกับเพื่อนจึงไปค่อยได้ไปเที่ยงด้วยกันเหมือนเเต่ก่อน ส่วนมากก็ต้องเคลียงานส่งก่อนปิดภาคเรียน





          
แม่นางเหี่ยน